‘เศรษฐา’ ให้สัมภาษณ์ดิจิทัลวอลเลตรายวัน เมินคนวิจารณ์ทำนโยบายไม่ตรงปกช่วงหาเสียง ย้ำทำ พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาทเปิดโอกาสให้สภาฯตรวจสอบ ติงนักลงทุนตลาดหุ้นรายย่อยงดซื้อขาย 20 พ.ย.นี้ ชี้หากต้องการให้ทำอะไรควรบอกกัน ส่วนกรณีผู้ว่า ททท. สื่อสารดึงตำรวจจีนร่วมตรวจตราเมืองท่องเที่ยว ไม่ถือสา มองสื่อสารผิดเกิดขึ้นได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า กรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายที่ดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาทของรัฐบาล ไม่ตรงกับที่หาเสียงเอาไว้ หากรัฐบาลยึดมั่นกับสิ่งที่พูดไป โดยไม่ฟังความคิดเห็น ก็จะโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ซึ่งรัฐบาลพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ต้องปรับปรุงแต่งเติมบ้างตามข้อคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะของทุกภาคส่วน และ ไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ พยายามรับฟังอยู่ วันนี้ก็รับฟัง อะไรที่ไม่ก้าวร้าวก็พร้อมจะรับฟัง
@เมินโต้ทำนโยบายไม่ตรงปก
ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่า การดำเนินการโครงการไม่ตรงกับที่หาเสียงเอาไว้ โดยอ้างว่าเป็นเพียงเทคนิคในการหาเสียง อย่างเช่น บอกว่าจะไม่กู้เงิน แต่รัฐบาลก็กู้นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกสิ่งที่พูดไปนั้น พยายามทำให้ได้อย่างที่พูด แต่ต้องมีการปรับปรุงแต่งเติมกันบ้าง แล้วแต่จะคิด ไม่อยากไปตอบโต้
"คำพูดที่ว่าจะทำแล้วไม่ทำ อย่าเอาความคิดของท่านมาให้ผมเลย ต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นหน้าที่ของท่าน ที่ท่านจะพูด ส่วนผมก็เป็นหน้าที่ของผมที่ผมจะทำ" นายเศรษฐากล่าว
สำหรับกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการยังเหมือนเดิมหรือไม่ หรือต้องรอความชัดเจนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เข้าใจว่า ตอนที่ดูเรื่องไทม์ไลน์ ก็ได้ดูเรื่องกฤษฎีกาแล้ว ก็มีเวลาให้กฤษฎีกา ซึ่งไม่ต้องการไปกดดัน ว่าจะมีการประชุมเมื่อไหร่อย่างไร แต่ขณะนี้ ยืนยันว่า ยังคงอยู่ในไทม์ไลน์ และ ตั้งใจจะดำเนินการโครงการนี้จริงๆ ไม่ใช่หาทางออก และ การที่หลายคนบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อยากให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้ รัฐบาลจึงดำเนินการให้มี พ.ร.บ. ให้สภาสามารถตรวจสอบได้ ต้องให้เกียรติทุกภาคส่วน ไม่มีอะไรที่ทำแล้วทุกคนพอใจ แต่ต้องพยายามทำเพื่อประชาชน วันนี้เรื่องของการหาเสียงจบไปแล้ว ถึงเวลายกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน และจะพยายามทำให้ดีที่สุด
@ติงนักลงทุนรายย่อย อยากให้ทำอะไรก็บอกมา
ส่วนกรณีมีข่าวว่านักลงทุนรายย่อยนัดหยุดเทรดในวันที่ 20 พ.ย.นี้ จากวิกฤติความเชื่อมั่น นายเศรษฐาตอบว่า ยังไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องนี้ แต่ถ้ามีการทำกันจริงๆถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องมีการสอบถาม ทั้งนี้ในระยะยาวรัฐบาลไม่ได้ออกมาตรการที่เป็นลบต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่พยายามทำหลายๆ อย่างให้ดีขึ้น แต่จะดีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของนักลงทุน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า วันจันทร์ที่ผ่านมา (13 พ.ย.66) ได้ให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ให้ออกนโยบายออกมา จึงไม่ทราบว่าอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้หรือไม่
ส่วนกรณีการขายชอร์ต (Short Selling) ที่เชื่อว่าจะมีการเมืองมาแทรกแซงในตลาดหุ้นนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก.ล.ต.ตรวจสอบแล้วไม่มี และ ตนเองอยากถามกลับว่า จะให้ทำอะไร คุยกับใคร ซึ่งการที่ให้นายกิตติรัตน์ไปหารือกับ ก.ล.ต.มีแต่สถานการณ์ดีขึ้น แต่ดีมากหรือดีน้อย ไม่ทราบ อยากจะให้ตนเองทำอะไร ขอให้บอก ไม่ใช่ไม่อยากทำ เพราะการพูดคุยกับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งมีเป็นแสนคนจะให้ไปคุยกับใครบ้าง ภาษีจากธุรกรรมการขายก็ไม่ได้เก็บ ภาษีจากกำไรการขายหุ้นก็ไม่ได้เก็บ นโยบายการลงทุน กองทุนแอลทีเอฟก็ออกมาให้ตามที่ต้องการ หากจะต้องการอะไรบอกมา ไม่ได้ประชด หรือ ว่าอารมณ์เสีย แต่อยากรู้ความต้องการ เพื่อจะได้จัดให้ และ มีอะไรใหม่ที่อยากได้
“ผมไม่ได้อะไรเลยเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ ผมไม่ได้ยุ่งอะไรเลย ไม่ได้รบกวน ไม่ได้ไปทำให้ใครมีปัญหา ซึ่งวันนั้นผมก็อารมณ์เสียใส่ดีเอสไอไปเรื่องหุ้นมอร์ และหุ้นสตาร์ค ซี่งเป็นเรื่องสำคัญที่ความไว้วางใจในตลาดมีน้อย เรื่องเกิดมานานเท่าไหร่ ยังไม่จบเสียที ติดอยู่ที่ดีเอสไอ ไม่ใช่เรื่องหมูอย่างเดียว” นายกรัฐมนนตรี กล่าว
@ไม่ถือผู้ว่า ททท.พูดผิดกรณีตร.จีน
เมื่อถามถึงกรณีนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่ประเทศไทย (ททท.) ที่ออกมายอมรับว่า สื่อสารผิดพลาด กรณีระบุว่า จะนำตำรวจจีนลาดตระเวนตามจังหวัดท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองของไทยนั้น นายเศรษฐาระบุว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน
เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยเคลียร์ใจกันหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้โกรธ ไม่ได้น้อยใจ ไม่ได้มีปัญหา คนเราพูดผิดกันได้ เข้าใจว่าผู้ว่าฯ ททท. ทำงานหนักมาก และ พยายามหาช่องทางที่ดีที่สุดที่จะตอบโจทย์ความต้องการของทุกฝ่าย
“บางทีพูดพลาดไปบ้าง ต้องออกมาแก้ไข อย่าไปว่าท่านเลย เพราะท่านพยายามหาช่องทางที่จะช่วยเหลือประเทศชาติ สิ่งที่ทำถูกมากกว่าผิดเยอะ พลาดไปบ้างไม่เป็นไร เมื่อพลาดก็ออกมาชี้แจง ” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า เรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นทำให้มีคนโจมตีนายกรัฐมนตรีจำนวนมาก ไม่ติดใจอะไรใช่หรือไม่ นาย เศรษฐา กล่าวว่า ไม่ติดใจ ในฐานะผู้บังคับบัญชา ต้องมีส่วนรับผิดชอบ และ ผู้ว่าฯ ททท. ออกมาพูดแล้วว่า เป็นการสื่อสาร และ ที่จริงเรายังไม่ได้ขอให้ทางตำรวจจีนเข้ามา ในขณะที่เขาไม่ได้ตกลงจะมา เพราะเป็นเรื่องภายในของไทย จะเข้ามาได้อย่างไร แต่กรณีนี้เป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยนข้อมูลมากกว่า เชื่อว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจพยายามทำงานอย่างเต็มที่