‘สุริยะ’ เตรียมร่วมบินไปอเมริกา ประชุมเอเปคกับ ‘เศรษฐา’ 11 พ.ย.นี้ เล็งเทียบเชิญ 20 บริษัทเอกชนแดนมะกันร่วมลงทุน ก่อนเผยเตรียมเสนอนายกฯตั้งบอร์ดกำกับโครงการ EEC
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในวันที่ 11 พ.ย.นี้จะร่วมเดินทางไปในการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกหรือเอเปค (APEC) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกากับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในส่วนของกระทรวงคมนาคม เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย -อันดามัน (ชุมพร-ระนอง) หรือแลนด์บริดจ์พร้อมสมบูรณ์แล้ว ซึ่งเชื่อว่านักลงทุนจะได้รับทราบถึงผลประโยชน์ที่จะได้จากโครงการนี้ และตอนนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ก็ช่วยกันที่จะชักชวนบริษัทในสหรัฐฯ เกือบ 20 บริษัท
“ที่ผ่านมาโครงการนี้มีนักลงทุนจากหลากหลายประเทศให้ความนใจทั้งฝรั่งเศส, ตะวันออกกลาง, จีน ส่วนในอเมริกาเพิ่งเริ่มส่งข้อมูลไป เชื่อว่าโครงการนี้นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่ดีแน่นอน” นายสุริยะกล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการเสนอตั้งคณะกรรมการ Road Show นักลงทุนแลนด์บริดจ์ในวันนี้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่าไม่มี แต่จะมีการตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวกับการลงทุนในพื้นที่ EEC ออกในลักษณะคำสั่งของนายกรัฐมนตรี
ด้านนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราว่า สำหรับการตั้งคณะกรรมการเพื่อกำกับโครงการใน EEC จะมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธาน โดยจะมีขึ้นเพื่อกำกับและติดตามในระยะสั้น
ส่วนกรณีที่มีภาพ 2 บริษัท คือ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด กับ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ eastw จับมือกันต่อหน้านายเศรษฐาเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมานั้น เลขาธิการ EEC ระบุว่า เดิมทั้ง 2 บริษัทต่างคนต่างทำ ซึ่งมีบางอย่างที่จะต้องใช้ทรัพยากรร่วมกัน จึงเชิญทั้ง 2 บริษัทมาคุยกันว่า ถ้าฝ่ายใดขาดแคลนท่อส่งน้ำหรือทรัพยากรอื่นใด ก็ให้ของอีกฝ่ายได้ โดยให้จ่ายค่าใช้จ่ายทดแทนกันไป ก็ทำให้ผู้ใช้บริการน้ำได้รับประโยชน์ด้วย
ทั้งนี้ เรื่องเก่าๆที่ขัดแย้งกัน กรณีระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ของกรมธนารักษ์ ก็ว่ากันไป เรื่องนี้ EEC จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง