กทม.ร่วมกับกระทรวงทรัพย์ฯ แถลงมาตรการแก้ไขปัญหา PM2.5 ‘ชัชชาติ’ ระบุติดตั้งระบบแจ้งเตือน Risk Map แล้ว หากค่าฝุ่นวิกฤติจะมีการแจ้งเตือน 3 ครั้ง/วัน พร้อมเฝ้าระวังการเผาชีวมวลอ้อยและข้าว รวมถึงจุดเสี่ยงต่างๆ อาทิ ไซต์ก่อสร้าง, โรงงาน เป็นต้น ‘พัชรวาท เผยนายกฯตั้งคณะกรรมการฯดูแลปัญหาแล้ว จับตายวดยานพาหนะต่างๆที่เข้าเมืองเป็นหลัก ’
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 20 ตุลาคม 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวการรับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ กทม.ร่วมกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)
นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.ได้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาตลอดปี โดยร่วมมือกับกรมควบคุมมลพิษและมีแผนดำเนินการทุกวัน 365 วัน มีการเฝ้าระวังแจ้งเตือน Risk map ติดตั้ง sensor เพิ่ม การตรวจควันดำ การให้ความรู้ประชาชน สำหรับแผนบริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤต ค่าฝุ่นตั้งแต่ 37.6 มคก./ลบ.ม. จะทำการแจ้งเตือน 3 ครั้ง/วัน การกำจัดต้นตอ โดยห้ามจอดรถถนนสายหลัก/สายรอง วัด/ศาลเจ้างดจุดธูปเทียน ห้ามเผาในที่โล่ง การป้องกันประชาชน โดยปรับรูปแบบการเรียนของโรงเรียน แจกหน้ากากอนามัย และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 50 เขต ถ้าค่าฝุ่น 75.1 มคก./ลบ.ม. ก็ต้องมีการดูแลการก่อสร้าง ลดค่าโดยสารบีทีเอสส่วนต่อขยาย และเครือข่าย Work From Home
@เฝ้าระวังการเผาชีวมวล
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวต่อไปว่า ภาวะปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นสาเหตุหลักจะมาจากรถยนต์แต่พอเข้าช่วงต้นๆ ปีเริ่มมีการเผาชีวมวลกลายเป็นว่าส่วนใหญ่จะมาจากการเผาชีวมวลไม่ว่าจะเป็นอ้อยหรือข้าวโดยเฉพาะฝุ่นข้ามแดน ในอนาคตรัฐบาลคงต้องดูเรื่องนี้เพิ่มขึ้น กทม.ได้ทำ Risk map คือนำข้อมูลจุดเสี่ยงต่างๆ ลงแผนที่ทั้งหมดเช่น โรงงาน แพลนท์ปูน สถานที่ก่อสร้าง อู่พ่นสีรถ เหล่านี้อยู่ตรงไหน และสามารถตรวจสอบได้ว่ามาตรวจเมื่อไหร่ผลตรวจสอบเป็นอย่างไรทำให้เราสามารถควบคุมแหล่งกำเนิดได้ละเอียดและ realtime มากขึ้น ขณะนี้เรามีเซ็นเซอร์ตรวจฝุ่น 722 จุด อนาคตจะเพิ่มเป็น 1,000 จุด และมีการปรับปรุงแอปพลิเคชัน AIR BKK สามารถพยากรณ์ได้ดีขึ้นแม่นยำขึ้น เพราะในบางมิติซึ่งเราควบคุมไม่ได้อย่างน้อยให้ประชาชนเตรียมตัววางแผนการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
สำหรับกรณีเผาชีวมวล ในกรุงเทพฯ จะมีเขตหนองจอก มีนบุรี คลองสามวาที่มีการทำเกษตรกรอยู่แล้ว จะเฝ้าระวังภาพถ่ายดาวเทียมตลอด ถ้ามีจุด Hot Spot เกิดขึ้นจะให้เทศกิจเข้าไปดำเนินการที่ต้นตอ การกำจัดต้นตอของฝุ่น ทำการตรวจที่แหล่งกำเนิด โดยจะพยายามไม่ไปตรวจบนถนนเนื่องจากให้เกิดรถติด แต่รู้ว่ารถที่เข้ามาในกรุงเทพฯ อาทิ รถบรรทุกต้องมีที่มาที่ไป เช่น มาจากแพลนท์ปูน หรือไปไซต์ก่อสร้าง รวมทั้งอู่รถเมล์ ท่าเรือคลองเตย และนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ เพื่อไปตรวจที่ต้นกำเนิดแทน ที่ผ่านมาทำการตรวจรถยนต์ 135,000 คัน ไม่ผ่าน 2,141 คัน รถที่สภาพทั่วไป 37,000 คัน ไม่ผ่าน 217 คัน รถบรรทุก 92,000 คันไม่ผ่าน 529 คัน นี่คือสิ่งที่เราทำต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ก็คงต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น การป้องกันประชาชน เรามีการทำห้องเรียนปลอดฝุ่นติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ 300 เครื่องให้กับศูนย์เด็กเล็ก 1,734 เครื่องให้กับโรงเรียนอนุบาล รวมทั้งพัฒนาห้องปลอดฝุ่นร่วมกับกรมอนามัย
“มิติที่สำคัญที่สุดตอนนี้เป็นเรื่องการจราจรคงต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการดูแลจราจร การปฏิบัติตามกฎจราจร กรมขนส่งทางบกเรื่องการควบคุมรถเก่าที่จะเข้ามาในพื้นที่ เป็นต้น โดยหลัง”จากนี้จะรับโยบายและรับไปดำเนินการต่อ” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในตอนท้าย
@กวดขันรถยนต์ แหล่งกำเนิด PM2.5
ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า รัฐบาลโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการมลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน เพื่อเป็นกลไกเร่งรัดการดำเนินการมาตรการเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ทั้งระบบให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ขณะนี้กรุงเทพมหานครใกล้เข้าสู่สถานการณ์ฝุ่นจากสภาวะอากาศหนาวสภาพอากาศปิดและปีหน้าปรากฏการณ์เอลนีโญจะส่งผลให้เกิดภัยแล้งมากขึ้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เตรียมมาตรการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นทั้งการควบคุมไฟ ป่าการเผาพื้นที่ทางการเกษตร และการควบคุมการเกิดฝุ่นในกรุงเทพมหานคร สิ่งสำคัญคือต้องนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเร่งด่วนทันท่วงทีเพื่อทำให้ประชาชนรับรู้และเห็นความพร้อมว่าภาครัฐทำงานอย่างเต็มที่เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการปกป้องผลกระทบที่ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน
สำหรับสิ่งที่ต้องเริ่มทำสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครคือขอให้เริ่มควบคุมแหล่งกำเนิด เกือบ 70% มาจากยานพาหนะ กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงพลังงานกรมควบคุมมลพิษและกรุงเทพมหานครต้องเข้มงวดในการตรวจสอบและตรวจจับรถ โดยเฉพาะรถที่เข้ามาในเขตให้ทำการการตรวจสอบสภาพรถยนต์การตรวจขันวินัยจราจร พื้นที่ก่อสร้าง รณรงค์ให้ประชาชนเดินทางด้วยรถไฟฟ้าและรถสาธารณะ การควบคุมโรงงานทุกแห่งที่มีความเสี่ยงสูงในการปล่อยฝุ่นควันสำหรับพื้นที่รอบๆ ขอให้กรุงเทพมหานครสนับสนุนเกษตรกรให้ช่วยกันไม่เผาตอซัง ฟางข้าว อย่างไรก็ตามต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคนนอกจากดูแลตนเองแล้วต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติงานตามคำแนะนำ คำร้องขอของภาครัฐด้วย รวมทั้งการสื่อสารเชิงรุกต่อเนื่องบ่อยครั้งทั้งช่วงก่อนและระหว่างสถานการณ์ การแจ้งเตือนสถานการณ์ต้องทันท่วงทีเพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่รวดเร็วและถูกต้อง