ครม.ตีกลับทางคู่ ‘ขอนแก่น-หนองคาย’ ติงงบประมาณ-ความคุ้มค่าต้องเหมาะสมกว่านี้

ครม.ตีกลับทางคู่ระยะที่ 2 เส้นแรก ‘ขอนแก่น-หนองคาย’ แล้ว มีข้อสังเกตปมงบประมาณและความคุ้มค่าของโครงการให้ไปทำมาเพิ่มก่อน

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 16 ตุลาคม 2566 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ระยะทาง 167 กม. ในวงเงิน 29,748 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

โดยเป็นโครงการก่อสร้างทางรถไฟใหม่ขนาดทาง 1.00 เมตร เพิ่มขึ้นจำนวน 1 ทาง ขนานไปกับเส้นทางรถไฟเดิม ระยะทางประมาณ 167 กิโลเมตร มีสถานีทั้งสิ้น 14 สถานี (ก่อสร้างสถานีใหม่ 6 สถานี ปรับปรุงสถานีเดิม 8 สถานี) โดยได้มีการก่อสร้างสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ จำนวน 31 แห่ง และถนนลอดใต้ทางรถไฟ จำนวน 53 แห่ง พร้อมก่อสร้างรั้วตลอดแนวเส้นทางรถไฟ

สำหรับแผนงานจะเปิดให้บริการประชาชนในปี พ.ศ. 2570 จึงต้องได้รับการอนุมัติจากครม. ในปี พ.ศ. 2566 และเริ่มการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2567 โดยคาดว่าปริมาณผู้โดยสารมีจำนวนประมาณ 3,500 คนต่อวัน ในปี พ.ศ. 2569 และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 5,800 คนต่อวัน ในปี พ.ศ. 2599 และมีปริมาณการขนส่งสินค้าโดยใช้เส้นทางรถไฟช่วงนี้จำนวนประมาณ 3.50 ล้านตันต่อปี ในปี พ.ศ. 2569 และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 4.20 ล้านตันต่อปี ในปี พ.ศ. 2599

@สั่งกลับไปปรับรายละเอียดเรื่องงบ - ความคุ้มค่า - ต่อลงใต้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่ประชุมครม.อนุมัติแล้ว รฟท.สามารถเปิดประมูลก่อสร้างโครงการได้เลยหรือไม่ นางรัดเกล้าตอบว่า ในที่ประชุมครม.ยังมีข้อเสนอแนะเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนของโครงการ ประกอบกับความเหมาะสมของสถานีที่ในโครงการกำหนดไว้ 14 สถานีก็ควรปรับปรุง อีกทั้งเส้นทางของโครงการนี้ไม่มีการวางแผนต่อลงไปถึงภาคใต้ อาทิ จ.สงขลา, นราธิวาส, ยะลา และปัตตานี ซึ่งครม.เห็นว่า จังหวัดเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างมาก และมีระยะทางรวมกัน 224 กม. มีประชาชนโดยสาร 5.8 ล้านคน/ปี ครม.จึงเสนอแนะเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวของคนไทยด้วย ซึ่งคิดว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางประการ เพื่อนำมาเสนอในที่ประชุม ครม.ใหม่อีกครั้ง 

เมื่อถามย้ำว่า ตกลงเป็นการเห็นชอบแค่ในหลักการใช่หรือไม่ รองโฆษกรัฐบาลตอบว่า เห็นชอบในหลักการ แต่เรื่องความคุ้มค่าของการลงทุน ครม.ยังเห็นว่า ไม่อยู่ในจุดที่รู้สึกว่าให้ไปต่อได้