‘ก้าวไกล’ ยื่นร่างกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน เริ่มนับตั้งแต่ม็อบพันธมิตรชุมนุมเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2549 ไม่รวมเจ้าหน้าที่รัฐ ชี้ที่ต้องเสนอเพราะรัฐที่ผ่านมาไม่เคารพความเห็นต่าง ยัดคเีความให้ผู้ชุมนุมทุกฝ่าย ต้องการล้างนิติสงคราม สร้างความปรองดอง ‘วันนอร์’ ขอเช็กความเรียบร้อยก่อน ใช้เวลา 7 วัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 5 ตุลาคม 2566 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย สส. พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวการยื่นร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. … โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นผู้รับหนังสือ
@รีเซ็ตประเทศ หยุดนิติสงคราม เริ่มกันใหม่
หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า สาเหตุที่ยื่นร่าง พ.ร.บ. นี้ เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 ภายหลังลุกลามบานปลายจนเกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และรัฐประหารซ้ำอีกครั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากเข้าไปมีส่วนร่วมในรูปแบบต่างๆ หลายพันคนถูกดำเนินคดี ตั้งแต่คดีเล็ก ๆ น้อย ๆ จนถึงข้อกล่าวหาร้ายแรงเป็นคดีความมั่นคง การดำเนินคดียังไม่ยุติจนถึงปัจจุบัน
พรรคก้าวไกลเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เป็นการยากที่สังคมไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติสุข เพราะประชาชนจำนวนมากที่ถูกดำเนินคดีจากการมีส่วนร่วมทางการเมือง ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ต่างมีความเห็นว่ารัฐไม่เคารพความเห็นต่างทางการเมือง ไม่เคารพต่อสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง ดังนั้น เพื่อให้สังคมไทยได้กลับมาเริ่มต้นใหม่ จำเป็นต้องยุติการใช้นิติสงครามต่อพี่น้องประชาชน ให้ประชาชนที่ได้แสดงออกทางการเมืองโดยมีเหตุจูงใจจากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ได้หลุดพ้นจากการถูกดำเนินคดี
“การนิรโทษกรรมจะเป็นหนทางถอนฟืนออกจากกองไฟ ยุตินิติสงคราม เพื่อเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นสร้างความยุติธรรมและความปรองดองที่ยั่งยืนในสังคมไทยต่อไป” หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุ
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้แก่
(1) กำหนดให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลผู้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมือง ตลอดจนการกระทำทางกายภาพหรือการแสดงความคิดเห็นใด ๆ ที่เป็นความผิดตามกฏหมายในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 จนถึงวันที่ พ.ร.บ.นี้ มีผลบังคับใช้ หากการกระทำดังกล่าวมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้เท่าที่ไม่ขัดต่อพันธกรณีตามกฏหมายระหว่างประเทศ
(2) การนิรโทษกรรมจะไม่ครอบคลุมถึงการกระทำของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุม หากเป็นการกระทำที่เกินสมควรกว่าเหตุ ตลอดจนจะไม่นิรโทษกรรมการกระทำความผิดต่อชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา และจะไม่นิรโทษกรรมการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113
(3) กลไกในการนิรโทษกรรม จะกำหนดให้มี ‘คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำความผิดเพื่อการนิรโทษกรรม’ โดยในร่างของพรรคก้าวไกลเสนอให้มี 9 คน ซึ่งประธานรัฐสภาจะเป็นผู้แต่งตั้ง ประกอบด้วย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร บุคคลที่ได้รับเลือกจากคณะรัฐมนตรี 1 คน และบุคคลที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลือกอีก 2 คน
นอกจากนี้ เพื่อให้มีความรอบคอบ จะมีองค์ประกอบที่มาจากผู้พิพากษาหรืออดีตผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม จำนวน 1 คน ซึ่งมาจากการเสนอของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และมาจากตุลาการหรืออดีตตุลาการศาลปกครอง 1 คน มาจากพนักงานอัยการหรืออดีตพนักงานอัยการอีก 1 คน ซึ่งมาจากการเสนอของศาลปกครองและอัยการเอง ส่วนคนสุดท้าย คือเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
(4) ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรือจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง อันเนื่องมาจากระเบียบ ประกาศ คำสั่ง คำวินิจฉัย หรือมติ หรือการกระทำของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดฯ ตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีสิทธิ์ฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้
นายชัยธวัชกล่าวว่า พรรคก้าวไกลมุ่งหวังให้การเสนอร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เป็นหมุดหมายสำคัญในการคืนชีวิตใหม่ให้พี่น้องประชาชนที่ถูกกระทำโดยนิติสงครามหรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง หรือแสดงออกทางการเมืองแล้วถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่งพี่น้องประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของตนเองในการแสดงออกทางการเมืองโดยสันติ ได้รับการกระทบกระเทือนหรือโดนละเมิด
“เราเชื่อว่าการนิรโทษกรรมนี้ สามารถเป็นไปได้หากพรรคการเมืองต่าง ๆ มีเจตจำนงร่วมกันในการผลักดัน ซึ่งหากพิจารณาให้ดี จะพบว่าพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ผ่านมาไม่ได้ตัดความเป็นไปได้หรือปฏิเสธการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองแต่อย่างใด หลังจากนี้พรรคก้าวไกลจะใช้โอกาสนี้ พูดคุยกับพรรคการเมืองทุกฝ่าย รวมถึงพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มทุกสีที่เคยมีความขัดแย้งกันในอดีต ให้สำเร็จให้ได้” นายชัยธวัชกล่าวอีก
หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวในช่วงท้ายว่า ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลยินดี หากพรรคการเมืองต่าง ๆ จะมีร่างอื่น ๆ มาประกบกับร่างของพรรคก้าวไกล เพื่อให้เราได้มีความเห็นในการหยิบยกทุกร่างขึ้นมาพิจารณาร่วมกันในสภาฯ
“แม้พวกเราประชาชนจะไม่ได้มีความเห็นทางการเมืองตรงกันทั้งหมด แต่ผมเชื่อว่าประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายต่างแสดงออกทางการเมืองและขัดแย้งกันบนพื้นฐานที่อยากผลักดันให้สังคมเป็นสังคมที่ดีตามความคิดความเชื่อของตน ดังนั้น เราเชื่อว่าการยุติการดำเนินคดี การยุตินิติสงครามกับประชาชนไม่ว่าฝ่ายไหน จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนทุกฝ่ายได้ใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยโดยสันติ หันหน้าเข้าหากันเพื่อแสวงหาฉันทามติครั้งใหม่ของสังคมไทย ที่พวกเรายอมรับที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้ในอนาคต” หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าว
ด้านนายวันมูหะหมัดนอร์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายชัยธวัชที่ได้รับการเลือกตั้งจากพรรคก้าวไกลให้เป็นหัวหน้าพรรค และจะได้ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ทำหน้าที่ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรกับผู้นำฝ่ายค้านฯ ได้เป็นอย่างดียิ่งเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
สำหรับร่างพระราชบัญญัติที่ได้รับในวันนี้จะให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิกาสภาผู้แทนราษฎรได้ตรวจสอบความถูกต้องตามขั้นตอนต่อไปหากมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้ทางพรรคก้าวไกลทราบภายใน 7 วัน