โฆษกชุดคดีกำนันนก แถลง 15 ตำรวจผิดมาตรา 157 เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 14 คนรวมผู้กำกับสน.พญาไทด้วย ชี้อีก 1 รายมาพรุ่งนี้ (29 ก.ย.66) พร้อมแจงปมไม่แจ้งข้อหาผู้กำกับเบิ้ม เพราะขาดเจตนา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 28 กันยายน 2566 พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ในฐานะโฆษกชุดสืบสวนคลี่คลายคดีกำนันนก ให้สัมภาษณ์กรณี เรียกตำรวจ 15 นาย ที่อยู่ในงานเลี้ยงบ้านนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก มารับทราบข้อหาในฐานความผิด ตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ว่า วันนี้มีมาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาด้วยกันทั้งหมด 14 นาย ในจำนวนนี้มี พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพญาไท (ผกก.สน.พญาไท) รวมอยู่ด้วย ส่วนตำรวจอีกนาย ที่ไม่ได้เดินทางมา เนื่องจากติดภารกิจ และจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันพรุ่งนี้
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับรายละเอียดคำให้การของตำรวจทั้ง 14 นาย นั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนกรณีกล้องวงจรปิด ตัวที่เสียภายในงานนั้น ได้ส่งให้กับ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบแล้ว
@ไม่แจ้ง 157 ผู้กำกับเบิ้ม เพราะขาดเจตนา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จำนวนตำรวจที่ผิด ม.157 ไม่ตรงกับ สำนวนของชุดพนักงานสอบสวน ภาค7 ที่ดำเนินคดีกับตำรวจ 13 นาย (รวม พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผกก.เบิ้ม ผู้กำกับ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง) แต่เมื่อ กองบังคับหารปราบปรามรับคดีมาแล้ว กลับแจ้ง ม.157 กับตำรวจ 15 นาย พ.ต.อ.วิวัฒน์ ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า การพิจารณาต้องดูที่พฤติกรรมของตำรวจภายในงาน ใน 3 พฤติกรรม คือ 1.มีการเข้าช่วยเหลือคนเจ็บทันทีหรือไม่ 2.มีการเข้าจับกุมคนร้ายทันทีหรือไม่ 3.มีพฤติการณ์เก็บรักษาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุหรือไม่
“ในส่วนกรณีของ ผกก.เบิ้ม ที่มีภาพวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ที่รถนั้น ความจริงแล้วคือ ผกก.เบิ้มได้เข้าให้การช่วยเหลือ สารวัตรแบงค์ แล้ว แต่กลับลืมโทรศัพท์ไว้ที่รถ จึงวิ่งกลับไปหยิบ ประกอบกับไปเจอคนเจ็บอีกคนจึงเร่งให้การช่วยเหลือพาไปส่งโรงพยาบาล จึงทำให้บ่งชี้ว่าพฤติกรรมของ ผกก.เบิ้มนั้นไม่ขาดเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” ผกก.3 บก.ป. กล่าว
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หลังจากการสอบปากคำและแจ้งข้อหากับตำรวจทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วนั้น ทางพนักงานสอบสวนจะปล่อยตัวทั้งหมดกลับไป เนื่องจาก ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี สามารถปล่อยตัวได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ประกันหลักทรัพย์ ก่อนที่หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนคดีส่ง ป.ป.ช. เพื่อให้ชี้มูลความผิดต่อไป
ที่มาภาพ: สยามรัฐ