‘ปดิพัทธ์ สันติภาดา’ แจงยิบปมทริปสิงคโปร์ ชี้งบล้านกว่าบาทเป็นแค่กรอบ ทุกกิจกรรมจองไว้ได้ราคาต่ำกว่าหมด เหลือส่งคืนคลัง ระบุไปเสาร์-อาทิตย์ด้วย เพราะวันธณรมดาติดประชุมสภา ปัดเป็นการเร่งใช้งบค้างท่อของปี 66 ปฏิเสธมีแต่พลพรรคก้าวไกลไป เชิญ ‘เพื่อไทย’ ร่วมแล้ว ส่วนภูมิใจไทยส่งรายชื่อไม่ทัน ยันตามนโยบายพรรค จะเดินหน้าลดค่าดูงานต่างประเทศของข้าราชการ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 20 กันยายน 2566 ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แถลงข่าวกรณีการเดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-24 กันยายน 2566 ว่า การดูงานครั้งนี้เป็นหนึ่งในแผนงานที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ของคณะกรรมการขับเคลื่อนรัฐสภาโปร่งใสและสมรรถนะสูง ซึ่งตั้งขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย 4 อนุกรรมการ ได้แก่ (1) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนรัฐสภาเพื่อประชาชน (2) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนฐานข้อมูลรัฐสภาเพื่อประชาชน (3) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการสื่อสารเชิงกลยุทธ์เพื่อประชาชน และ (4) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน
เมื่อกรรมการชุดใหญ่และอนุกรรมการประชุมร่วมกัน ก็เริ่มเจอโจทย์ที่ต้องการเห็นภาคปฏิบัติและรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถพัฒนาสภาให้เป็นสากลได้ ซึ่งจากการพิจารณา พบว่าการดูงานในประเทศที่ไกลเกินไป ไม่ว่าจะเป็นทวีปยุโรปหรือทวีปอเมริกา ไม่มีความจำเป็น ควรเริ่มต้นศึกษาจากประเทศที่เป็นพันธมิตรในระดับอาเซียนและประเทศที่มี Best Practices หรือมีการพัฒนาที่ดีที่สุดในด้านที่เราต้องการ สุดท้ายจึงเป็นประเทศสิงคโปร์
@งบล้านกว่า เป็นแค่กรอบ เหลือคืนคลัง
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณที่ตั้งไว้ เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการคลังในค่าใช้จ่ายของการเดินทางของรองประธานสภาคนที่ 1 หลายคนกังวลว่าสูงเกินไปหรือไม่ ข้อเท็จจริงคือเป็นการตั้งงบตอนที่ยังไม่ได้จองจริง ยังไม่ได้หาโรงแรมหรือตั๋วเครื่องบินจริง และยังไม่สามารถลงรายละเอียดของการเดินทางได้ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทำโครงการจึงตั้งโครงการและงบประมาณตามสิทธิที่อยู่ในระเบียบทุกประการไว้ก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายจริงทั้งหมดจะเปิดเผยแบบละเอียดได้เลย หลังเดินทางกลับมา
สำหรับค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น บางส่วนสามารถเปิดเผยได้วันนี้ คือตั๋วเครื่องบินที่ตั้งไว้ตามสิทธิ์คือ 52,000 บาท จองจริงได้ 28,000 บาท ส่วนที่เหลือส่งกลับคืนคลังทั้งหมด ส่วนโรงแรมตามสิทธิ์เบิกได้ 12,500 บาท จองจริงประมาณ 9,000 บาท ก็ได้พยายามประหยัดให้มากที่สุด แต่ขณะเดียวกันตอนนี้ตนกำลังดำเนินหน้าที่ในฐานะทูตของสภาผู้แทนราษฎร การเยี่ยมคารวะ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเลี้ยงรับรองบุคคลต่างๆ ที่มาพบเจอกัน ต้องเป็นส่วนที่รับรองให้สมเกียรติของประเทศไทยด้วย
ส่วนงบรับรอง ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่ามากเกินไปหรือไม่ เนื่องจากตอนที่ตั้งงบ ยังไม่ทราบโปรแกรมโดยละเอียด จึงจะมีการหักทอนต่างๆ เช่น เบี้ยเลี้ยงของคณะเดินทางสำหรับอาหารมื้อเที่ยง เมื่อต่อมาสถานทูตเลี้ยงรับรอง ก็จะหักออกจากเบี้ยเลี้ยง จ่ายเบี้ยเลี้ยงไม่เต็ม หรือเมื่อไปเจอคนงานไทยและนักศึกษาไทย ตนก็ใช้งบรับรองนี้ในการดูแลของว่างหรือรับประทานอาหารง่ายๆ ร่วมกัน หักลบกลบหนี้อย่างไร ส่งกลับคืนคลังทั้งหมด และยินดีแสดงใบเสร็จว่าใช้ไปเท่าไรอย่างไร
@เชิญ ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ แล้ว
ในส่วนของคณะเดินทาง รองประธานสภาฯจากพรรคก้าวไกลระบุว่า ประกอบด้วย 3 ส่วน ส่วนแรกคือกรรมการขับเคลื่อนรัฐสภาฯ ซึ่งมีตน, นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, นายวรภพ วิริยะโรจน์ ซึ่งทั้ง 3 คนตั้งใจให้ไปดูระบบสารสนเทศ ระบบฐานข้อมูลโปร่งใส เพราะจะมีโอกาสไปเยี่ยม GovTech ของสิงคโปร์ งานด้านเทคนิคแบบนี้จำเป็นต้องได้คนที่เหมาะสมกับงานเท่านั้น ส่วนที่สองและสาม ตอนที่ตั้งคณะทำงานนี้ขึ้นมา ยังไม่มีฝ่ายค้านและรัฐบาล ยังไม่มีกรรมาธิการกิจการสภา ความตั้งใจแรกของตนคือถ้ากำหนดทริปดูงานได้แล้ว จะเชิญประธาน กมธ.กิจการสภา และให้ประธานได้เลือกสรรคนใน กมธ. ไปด้วยกัน
แต่เนื่องจากจนถึงวันนี้ ยังไม่มี กมธ.กิจการสภา จึงใช้วิธีแบ่งคร่าวๆ เป็นฝ่ายค้านและรัฐบาล สรุปเป็นพรรคก้าวไกล 3 คน ที่มีความจำนงลงชื่อว่าต้องการทำงานใน กมธ.กิจการสภา และได้เชิญอีก 2 พรรคการเมืองใหญ่คือพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ให้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน
แต่สถานการณ์การเมืองตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา มีความแปรปรวน สมาชิกที่ไม่มีความพร้อมจึงไม่ได้ส่งชื่อ มีเพียงพรรคเพื่อไทย 2 คนที่เดินทางไปด้วยกันคือ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ที่เห็นบทบาทชัดเจนว่าเป็นคนขับเคลื่อนสภาในพรรคเพื่อไทย และนายพชร จันทรรวงทอง ที่เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นวิศวกรที่มีความเข้าใจเทคโนโลยีเป็นอย่างดี
จึงคิดว่าการเลือกสรรบุคลากรไปในครั้งนี้ จะสามารถนำองค์ความรู้และภาคปฏิบัตินำกลับพัฒนาสภาได้ ส่วนอีก 2 คนที่ตนทาบทามคือพรรคภูมิใจไทย ไม่สามารถส่งรายชื่อมาในเวลาที่กำหนด ทำให้สุดท้ายรายชื่อของคณะเดินทางปรากฏตามที่เป็นข่าว รวม 12 คน เป็นเจ้าหน้าที่สภา 4 คน
@ไปเสาร์-อาทิตย์ เพราะวันธรรมดาต้องประชุมสภา
นายปดิพัทธ์กล่าวต่อว่า ด้วยภารกิจของตน จำเป็นต้องอยู่ในสภาเต็มเวลา คือวันจันทร์ถึงวันศุกร์ การจัดทริปแบบนี้จะปลอดภัยที่สุดตอนที่เรายังไม่รู้วาระการประชุม ถ้าประธานรัฐสภามอบหมายให้ต้องดำเนินการประชุมในวันพุธหรือพฤหัสบดี ตนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงเริ่มเดินทางในเย็นวันพฤหัสบดีและพร้อมดูงานในวันศุกร์
ดังนั้น การดูงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐสภาสิงคโปร์ การเยี่ยมคารวะ การติดต่อราชการ จะเกิดขึ้นในวันศุกร์และวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันทำการของสิงคโปร์ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ ติดต่อขอความช่วยเหลือในการประสานงานไปที่สถานทูตไทยในสิงคโปร์ สถานทูตจะเป็นคนจัดการให้เราไปดูงานในที่ต่างๆ ทั้งเรื่องการทำพิพิธภัณฑ์ เพราะสภากำลังจะมีพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเราต้องการให้เป็น interactive ส่งเสริมประชาธิปไตย และบอกเล่าเรื่องราวของประเทศได้เป็นอย่างดี
รวมถึงการดูงานการจัดการฝุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายในประเทศ มาตรการต่างๆ ที่ใช้บังคับ ซึ่งเราพบว่ากฎหมายต่างๆ ที่พรรคการเมืองเสนอเข้ามาในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 นั้น จะส่งเสริมเฉพาะ พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่ความจริงยังมีกฎหมายระหว่างประเทศอีกหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ โรงงาน สิทธิของประชาชน
โดยจะศึกษาให้รอบด้านและทำให้ผลการศึกษาส่งไปยัง 3 ส่วน คือ (1) รัฐบาลในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง (2) พรรคการเมืองต่างๆ ให้พิจารณาร่างกฎหมายแบบนี้ และ (3) ภาคประชาสังคม ซึ่งเราตั้งใจจะมีสภาสัญจรไปพบประชาชนที่สภาลมหายใจจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเดือนตุลาคม จะเห็นได้ว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้ด้วยจุดประสงค์ รายละเอียด และผลลัพธ์ของการดูงาน สามารถชี้แจงต่อสาธารณะได้
“แน่นอนสิ่งที่เราเปิดเผยแบบนี้ ทำให้เกิดทั้งคำถามและการเปรียบเทียบไปสู่หน่วยงานอื่น ซึ่งผมคิดว่าแต่ละหน่วยงานมีภารกิจแตกต่างกัน จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน แต่สิ่งที่เป็นธรรมกับประชาชน คือทุกหน่วยงานสามารถตรวจสอบได้ นี่เป็นความตั้งใจของเราในการทำ Open Parliament ดังนั้น เมื่อเดินทางกลับ ขอเวลาทำรายงาน และรายงานทั้งหมดจะเผยแพร่ต่อสาธารณะ รวมถึงค่าใช้จ่ายจริงที่ใช้ในการทำงาน” นายปดิพัทธ์กล่าว
@เปล่าใช้งบเคลียร์ท่อก่อนหมดปีงบประมาณ
จากนั้นสื่อมวลชนสอบถามเพิ่มเติม ว่าเป็นการใช้งบประมาณแบบล้างท่อหรือไม่ นายปดิพัทธ์กล่าวว่า งบประมาณที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้ ประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ถ้าจะล้างท่อกันจริงๆ ตนน่าจะต้องไปประเทศที่ใช้จ่ายมากกว่านี้ ด้วยคณะที่ใหญ่กว่านี้ แต่การใช้งบประมาณเท่านี้ ไม่สามารถเรียกว่าเป็นการเคลียร์ท่อ เราวางแผนเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นเทอมการทำงาน ดูปัญหาภายในให้เรียบร้อย แล้วหาประเทศดูงาน จึงมาพอดีกันในเดือนนี้
ไม่ได้คิดวันนี้แล้วจะไปพรุ่งนี้ การเตรียมงานเรื่องนี้ ตนสอบถามฝ่ายต่างประเทศว่าใช้เวลาสั้นที่สุดเท่าไร เจ้าหน้าที่บอกว่าประมาณ 1 เดือน ซึ่งย้อนไปถึงตอนนั้น เราก็นึกว่าตอนนี้จะได้ กมธ. แล้ว แต่เมื่อเรื่องนี้ล่าช้า การทำงานของตนที่ตั้งไว้ก็เดินหน้าต่อ ทำให้ไม่สามารถทำตามแผนที่ตั้งใจไว้
ทั้งนี้ คณะทำงานนี้ก็ไม่ได้กำหนดสัดส่วนไว้ แต่ตนคิดว่าถ้ามีองค์ประกอบครบ 3 ส่วนในสัดส่วนที่เหมาะสม คือ ทีมรองประธานสภา ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ก็สามารถดำเนินการได้ ตอนนี้ทางสิงคโปร์เตรียมการไว้หมดแล้ว หากเลื่อนออกไปตอนนี้ ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่งคลังเอง
“เรามั่นใจมากว่า เมื่อเปิดเผยแบบนี้การวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น แต่ผมทำทุกอย่างตามระเบียบทุกประการ จึงไม่กระทบต่อการเดินทางแน่นอน” นายปดิพัทธ์กล่าวย้ำ
@ยืนตามนโยบายพรรค ข้าราชการลดดูงานตปท.
เมื่อถูกถามถึงนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่เสนอให้ลดงบประจำที่ไม่ใช่เงินเดือนของข้าราชการ เช่น การไปดูงานเมืองนอก โครงการอบรมสัมมนา โครงการที่ซ้ำซ้อน นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ยืนยันตามนโยบายเดิม การดูงานของประเทศไทยที่ผ่านมา ทั้งของหน่วยงานราชการ กรรมาธิการ หรือองค์กรอิสระ จะเห็นว่างบประมาณที่ใช้ในการอบรมสัมมนานั้นมหาศาล แต่ไม่สามารถตอบกลับมาเป็นผลสัมฤทธิ์ได้ บางหน่วยงานตอบไม่ได้เลยว่าดูงานในประเทศต่างๆ ดูทำไม ดูแล้วได้อะไร
“เราต้องตั้งคำถามถึงผลสัมฤทธิ์และนโยบายการไปดูงานของแต่ละหน่วยงาน ให้ประหยัด คุ้มค่า ไม่ใช่เป็นวัฒนธรรมการดูงาน แต่เป็นเป้าประสงค์การดูงาน และคิดว่าเรื่องนี้ ผมเห็นตรงกันกับพรรคก้าวไกล คือดูงานเท่าที่จำเป็น สามารถตอบสังคมได้ และมี accountability ถ้าสิ่งที่ผมทำได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบแล้วสามารถพิสูจน์ได้ถึงผลลัพธ์ของการดูงาน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงมาตรฐานของการดูงานของประเทศไทยได้” นายปดิพัทธ์กล่าว