เลขาครม. ‘หมอพรหมมินทร์’ แจง 9 ที่ปรึกษานายกฯมาโดยไม่รับเงินเดือน ชี้มีความสามารถทุกคน ไม่กังวลมีเอี่ยวทุนใหญ่ ‘แสนสิริ-BTS’ ไม่ห่วงไร้รองนายกฯด้านกฎหมายที่ให้คำอธิบายสังคมเหมือน ‘วิษณุ เครืองาม’ ชี้รัฐบาลมีกฤษฎีกาทำหน้าที่แทนได้ ส่วน ‘พิชิต ชื่นบาน’ ดูกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ปมข้าวบูล็อกพันคอ ‘กิตติรัตน์’ ก็ไม่น่ากังวล คดีก็ส่วนคดี ความสามารถส่วนความสามารถ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 18 กันยายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จำนวน 9 คน เป็นการตั้งคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และไม่สามารถรับเงินเดือนได้ จึงสามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ มาทำงานได้ ซึ่งแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ซึ่งนายเศรษฐาเป็นผู้เลือกมาเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อกังวลที่นำบุคคลที่เป็นกรรมการอยู่ในบริษัทแสนสิริ มาเป็นที่ปรึกษาด้วย เลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คนมีความสามารถมีอยู่ในหลายวงการ ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย ก็ไม่เชิญมาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งได้จัดความสำคัญตรงนี้อย่างดี
ส่วนการแบ่งงานว่าใครดูส่วนไหนบ้าง นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีแต่ละคน จะมีความชำนาญในแต่ละเรื่อง อย่างนายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล ก็จะชำนาญในเรื่องการเกษตรและพาณิชย์ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ก็จะมีความเข้าใจทางด้านการเมืองและเรื่องต่างๆ ของงบประมาณ ส่วนนายพิชิต ชื่นบาน ก็จะชำนาญในด้านกฎหมายส่วนท่านอื่นๆ จะมีความชำนาญเฉพาะตัว ถือว่าวันนี้ทำงานให้ประโยชน์แก่ประชาชนและเรื่องเศรษฐกิจถือเป็นเรื่องสำคัญ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ที่มาจาก บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) จะให้มาดูเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า แต่ละท่านมีความสามารถในหลายเรื่อง สามารถมอบให้ดูในหลายๆ เรื่องได้
ถามอีกว่า ในส่วนของนายพิชิตสามารถดูเรื่องกฎหมายของรัฐบาลทั้งหมดเลยใช่หรือไม่ นพ.พรหมมินทร์ระบุว่า ตอนนี้รัฐบาลมีที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ซึ่งคือคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่แล้ว ส่วนนายพิชิตคงจะมาช่วยดูในเรื่องของมิติทางกฎหมายอื่นๆ เพราะมีความเชี่ยวชาญ
และหากนายพิชิตดูกฎหมาย จะสามารถมาสื่อสารกับสังคมด้วยหรือไม่ เพราะดูเหมือนยังไม่มีใครที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย เหมือนอย่างกรณีนายวิษณุ เครืองาม ที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ก็สามารถสื่อสารกับสังคมได้ โดยอาจจะมอบหมายได้ ขอรอดูในโอกาสต่อไป แต่ในฐานะที่เป็นทางการ ก็เป็นฐานะของคนที่อยู่ในตำแหน่ง
@ไม่กังวล ’กิตติรัตน์’ โดนคดีระบายข้าวกระทบที่ปรึกษานายกฯ
เมื่อถามถึงกรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งมีรายงานว่าอัยการสูงสุด (อสส.) มีความเห็นสั่งฟ้องคดีการระบายข้าวจำนวน 3 แสนตัน ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ปรับปรุงข้าวเพื่อส่งมอบให้แก่ประเทศ อินโดนีเซีย (BULOG) จำนวน 30,000 ตัน ตามสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เมื่อเดือน ธ.ค. 2564 หลังที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 7 ต่อ 2 เสียง ชี้มูลความผิดเมื่อปี 2564 จะมีผลต่อการเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี หรือไม่
นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า เรื่องของคดีก็ดำเนินการไป ส่วนที่เป็นความรู้ความสามารถความตั้งใจ ก็ต้องเคารพในเรื่องนี้ นายกิตติรัตน์ ได้ทำเรื่องของนโยบายและศึกษาเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เป็นนักการเมืองและมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และที่ผ่านมาก็ลงทำงานกับเกษตรกรมากมาย และทำต่อเนื่องมาตลอด ก็จะสามารถสืบต่อและทำประโยชน์ให้ประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ส่วนจะมีปัญหาเรื่องของความสง่างามหรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า คิดว่าความสง่างามอยู่ที่ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีของเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดูแล แต่คณะกรรมการส่งเสริมการลุงทุน (บีโอไอ) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ จะเป็นผู้ดูแล ซึ่งเป็นหน่วยงานในด้านการลงทุนทั้งคู่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหา เพราะเป็นรัฐบาลเดียวกันทุกคนช่วยเหลือกันอย่างดี ไม่มีปัญหา และเราก็ศึกษามาตลอด อย่าลืมว่านายกฯ พูดว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน
เมื่อถามว่า กรณีของอีอีซี รัฐบาลจะเดินหน้าต่อหรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า คงดำเนินการต่อเนื่องไป เพียงแต่อาจจะมีอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา ที่สำคัญคือ ชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุนให้มาก ซึ่งทริปที่นายกฯ จะไปประชุมที่สหรัฐฯ ในครั้งนี้ ก็จะเจอกับกลุ่มนักธุรกิจสำคัญของโลก หลายท่าน
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีความชัดเจนอย่างไรนั้น นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ได้เข้าที่ประชุมครม. ในครั้งที่แล้วไปแล้ว และสั่งการไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้แปลงความต้องการของประชาชนมาเป็นรูปธรรมในการสั่งการแต่ละฝ่าย ส่วนการดำเนินการหลายเรื่องก็ต้องใช้เวลา
“เขาฝ่ายค้านก็ค้านไป เราก็ชัดได้ขนาดนี้แล้ว แต่ต้องเข้าใจว่า หลายเรื่องต้องใช้เวลา จะรีดให้ได้เลยหรือ เรายังทำงานไม่ครบอาทิตย์เลย” เลขาธิการนายกรัฐมนตรีระบุ
อ่านประกอบ