'บิ๊กโจ๊ก' เผยความคืบหน้าคดีกำนันนก คาด 3-4 วัน กู้เซิร์ฟเวอร์ได้ ยืนยันมีตำรวจถูกลงโทษแน่นอน ทั้งกลุ่มที่เกิดเหตุแล้ววิ่งหนี กลุ่มร่วมกันทำลายหลักฐาน แล้วพากำนันนกหนี ยันคดีนี้ง่ายกว่าคดีแอม ไซยาไนด์มาก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 10 ก.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าคดีกำนันนก กรณีออกหมายจับเพิ่มเติมว่า วันนี้กำลังสอบสวนอยู่ โดยนายกรัฐมนตรี เน้นให้ความเป็นธรรม อย่างตรงไปตรงมา หากสอบสวนแล้วใครเป็นผู้กระทำผิด ก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป โดยช่วงเย็นวันนี้จะทราบการขยายผล
ส่วนในเรื่องของเซิร์ฟเวอร์ได้กู้ขึ้นมาแล้ว คาดว่าใช้เวลา 3-4 วัน แม้จะเปียกน้ำก็สามารถทำให้แห้งและกู้ข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีปัญหา ส่วนทรัพย์สินที่บ้านกำนันนกยังไม่ได้มีการอายัด เพราะทรัพย์สินยังไม่เข้าเรื่องความผิด แต่ก็มีเอกสารหลักฐานพอสมควรแล้ว ซึ่งจะต้องมีการสอบสวนเรื่องการฮั้วประมูลต่อไป หากพบว่ามีความผิดก็ต้องนำไปยึดทรัพย์ได้
ยืนยันว่าจะต้องลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน ทั้งการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และทำลายวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้ตำรวจในเหตุการณ์แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเกิดเหตุแล้ววิ่งหนี ไม่ทำอะไรเลยถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างแน่นอน และได้ออกหมายจับไปบางส่วนแล้ว
กลุ่ม 2 ร่วมกันทำลายพยานหลักฐานและพากำนันนกหลบหนี ส่วนกลุ่มที่ 3 พาคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตามความชัดเจนต่างๆ จะมีมากขึ้นทุกวัน คดีนี้ไม่มีความซับซ้อน หากเปรียบเทียบกับคดีแอม ไซยาไนด์ ง่ายกว่ามาก เพราะพยานหลักฐานนิ่ง ขณะที่ผู้ต้องหาก็นิ่งดังนั้นหากไล่เส้นทางการเงิน และวงจรปิดต่างๆ ก็ใกล้ได้พยานหลักฐานครบแล้ว คิดว่าใช้เวลาสักประมาณหนึ่งอาทิตย์ จะสมบูรณ์
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยอมรับว่าตำรวจ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ที่ให้ข้อมูลครั้งแรกโกหกหมด แต่ไม่เป็นไร เพราะการสืบสวนสอบสวน และมีข้อมูลที่ชัดเจนอยู่แล้วสามารถที่จะมีพยานหลักฐานให้ศาลอนุมัติหมายจับได้เพราะศาลเชื่อในพยานหลักฐาน
ส่วนสาเหตุของเรื่องนี้มาจากการจะรื้อส่วยสติกเกอร์กระต่ายใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เรื่องนี้ก็จะมีการสอบสวน ทั้งเรื่องส่วยและการฮั้วประมูล โดยทุกประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยจะต้องมีการสอบสวนหมด อย่างไรก็ตามตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องหาทั้ง 6 คนรับสารภาพตรงกัน ว่า กำนันนกเป็นคนสั่งการอย่างชัดเจน และสาเหตุของการเกิดเรื่องไม่ใช่ประเด็นส่วย แต่เป็นเรื่องของการขอตำรวจแล้วไม่ให้แล้วสั่งยิง และผูกพันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมานานจนเหิมเกริม ดังนั้นวันนี้ต้องล้างบาง
ส่วนมีการตั้งข้อสังเกตว่าสติกเกอร์กระต่ายอาจจะมีการเชื่อมโยงกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น เรื่องนี้ตนเองไม่มีความกังวล เพราะถ้าเชื่อมโยงกับใครจะดำเนินคดีให้หมด และทำอย่างตรงไปตรงมา เพราะในโลกปัจจุบันจะปิดกันไม่ได้ สื่อมวลชนก็เห็นกันอยู่ ถ้าใครทำอะไรไม่ตรงไปตรงมาไม่สุดทางก็ไปไม่รอด และย้ำว่าคดีนี้ จะไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูเพราะถ้าตัวเองลงมาทำงานดังนั้นจะต้องมีความเด็ดขาดแน่นอน แม้เวลานี้กำนันนกจะปฏิเสธ ไม่ได้เป็นคนสั่งให้ยิงก็ตาม
หากกำนันนกปฏิเสธอย่างนี้จะมีช่องโหว่ทางกฎหมาย ให้หลุดคดีหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบว่ากำนันนกไม่มีทางจะหลุดรอดจากคดีนี้ เพราะการที่ขออนุมัติออกหมายจับ ศาลยังเชื่อในพยานหลักฐานที่ทางตำรวจมี วันนี้มีทั้งพยานให้การยืนยันและพยานแวดล้อมดังนั้นไม่มีทางหลุด และยืนยันว่าจะไม่มีพยานถูกปิดปากเพราะว่าตนเองลงมาคุมคดีนี้ด้วยตนเอง สืบสวนสอบสวนร่วมกับตำรวจชุดใหญ่ทั้งนั้น ดังนั้นคงไม่มีใครกล้ากระดิก
โดยหลักฐานที่มีจะต้องเอาผิดกำนันนกอัตราโทษสูงสุดที่ศาลพิพากษา และย้ำว่ากำนันนกจะไม่หลุดจากคดีนี้เพราะการสืบสวนสอบสวนไม่ใช้ทีมในพื้นที่ โดยใช้สืบสวนสอบสวนจากส่วนกลางและกองปราบเป็นคนทำและจะทำให้เป็นตัวอย่าง ว่าใครทำตัวเป็นผู้อิทธิพลจะต้องเจอแบบนี้แหละวันนี้จะล้างให้หมด และล่าสุดกำนันนกก็ยังไม่ขอประกันตัว เนื่องจากกลัวความไม่ปลอดภัย