คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบแผนปฏิบัติการระดับชาติต่อต้านวัณโรคระยะที่ 2 ลดอุบัติการณ์วัณโรคให้เหลือ 89 ต่อแสนประชากร ในปี 2570 เตรียมออกร่างประกาศฯ ปรับเอกสารรับรองวัคซีน 'โควิด' รวมกับวัคซีนอื่นเป็นฉบับเดียวเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติครั้งที่ 4/2566 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบในประเด็นสำคัญ 4 เรื่อง ดังนี้
-
แผนปฏิบัติการระดับชาติด้านการต่อต้านวัณโรค ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของประเทศไทย ตามที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศยุทธศาสตร์ยุติวัณโรค ภายในปี 2578 (ค.ศ. 2035) ซึ่งแผนปฏิบัติการฉบับนี้มีเป้าหมายหลัก ลดอุบัติการณ์ของวัณโรคลงจาก 143 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2564 ให้เหลือ 89 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2570
-
ร่างประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพิ่มเติมผู้แทนจากหน่วยงานของรัฐ ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย - เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 จังหวัดตาก ได้แก่ ผู้แทนจากสาธารณสุขอำเภอแม่สอด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านวังตะเคียน เพื่อให้การปฏิบัติงานที่ด่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับจำนวนผู้เดินทางที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
-
ร่างประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง การออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตามความในมาตรา 43 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดยให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ฉบับเอกสารรับรองกรณีโรคโควิด 19 ซึ่งแยกเป็นเล่มเฉพาะโควิด 19 และปรับเป็นเอกสารฉบับรวม เพื่อความสะดวกของประชาชนผู้เดินทางระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนที่ประเทศปลายทางกำหนด เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น วัคซีนอหิวาตกโรค วัคซีนไข้หวัดใหญ่ รวมถึงวัคซีนโควิด 19 จะได้ถือเอกสารเพียงฉบับเดียว โดยมีหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมควบคุมโรค เช่น โรงพยาบาลรัฐ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นผู้ออกหนังสือให้
-
การบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ความต้องการวัคซีนและความจำเป็น โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและความคุ้มค่า ให้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับกลุ่มเป้าหมายในปี 2567 โดยสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาถือว่าดีขึ้นมาก จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล และผู้เสียชีวิต ลดน้อยลงมาก ส่วนการระบาดเป็นกลุ่มก้อนลดลงเช่นกัน แต่ที่น่าห่วงคือ ผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดยังคงเป็นกลุ่ม 607 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีด 2 เข็มนานแล้วและไม่ได้รับเข็มกระตุ้น กระทรวงสาธารณสุขจึงรณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรค เรื้อรัง 7 กลุ่ม เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ประจำปี พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในฤดูฝนนี้ เพื่อลดการป่วยหนักและการเสียชีวิต
สำหรับโรคไข้เลือดออก พบการระบาดในหลายพื้นที่ตั้งแต่ต้นฤดูฝน ได้สื่อสารให้ทุกจังหวัดเร่งรัดกิจกรรมการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก เช่น กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ควบคุมยุงลายในพื้นที่ระบาด และให้ความรู้เรื่องอาการป่วย เพื่อให้ประชาชนตระหนักและเข้ารับการรักษาโดยเร็ว ป้องกันการเสียชีวิต โดยมี อสม.เป็นกำลังสำคัญในหมู่บ้าน ช่วยสอดส่องดูแล แนะนำชาวบ้านให้ร่วมมือกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำในบ้านเรือน โรงเรียน วัด ศาสนสถาน และสถานที่สาธารณะ