ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เผยผบ.ตร.มีคำสั่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบประเด็น 'สติ๊กเกอร์ส่วยรถบรรทุก' ยันหากผู้ประกอบการทำผิดกฎหมายดำเนินการเด็ดขาด ด้านประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ชี้ปัญหาส่วยมีมานานกว่า 20 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2566 พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่า มีสติ๊กเกอร์ติดรถบรรทุกที่เป็นสัญลักษณ์การจ่ายส่วย ทำให้ไม่ต้องรับโทษทางกฎหมาย กรณีบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด
พล.ต.ต.เอกราช กล่าวว่า ล่าสุดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้กองบังคับการตำรวจทางหลวงตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ หากพบว่ามีผู้ประกอบการรายใดกระทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมไปถึงหากมีเจ้าหน้าที่รัฐ หรือตำรวจ เข้าไปเกี่ยวข้อง นอกเหนือจากการดำเนินการทางกฎหมายแล้ว ก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัยด้วยอย่างเคร่งครัด โดยยืนยันว่าจะทำอย่างจริงจัง ถอนรากถอนโคน
เรื่องของสติกเกอร์หรือป้ายต่างๆ จากข้อมูลที่ได้มีการประสานกับสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยมาก่อนหน้านี้ ก็พบว่ามีภาคเอกชน กลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง รวมกลุ่มกันจัดทำสติกเกอร์หรือป้ายต่างๆ แต่ที่ต้องมาตรวจสอบดูก็คือ เรื่องดังกล่าวมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ถ้าหากพบก็ต้องดำเนินการ ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่มีข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่กระทำความผิด แต่หากประชาชนมีข้อมูลเบาะแสก็ส่งเข้ามาให้ตรวจสอบได้ ยืนยันว่ากองบังคับการตำรวจทางหลวงจะทำอย่างเต็มที่
ยอมรับว่าปัญหาเรื่องส่วย เป็นปัญหาที่มีมานาน แต่เรื่องส่วยคือปลายเหตุ ปัญหาที่เป็นต้นเหตุก็คือเรื่องรถบรรทุกหนักเกินกำหนด จึงมองว่าการแก้ไขจำเป็นต้องแก้ในภาพรวม โดยเฉพาะเรื่องการแก้กฎหมาย โดยในปัจจุบันกฎหมายให้ดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ ไม่ใช่ผู้ประกอบการรถบรรทุก ซึ่งเมื่อผู้ประกอบการไม่ได้รับผลกระทบ จึงเกิดการกระทำความผิดซ้ำ ดังนั้น อาจต้องพิจารณาเรื่องการแก้ไขกฎหมาย เช่น หากจับรถบรรทุก 1 คัน พบว่าบรรทุกหนักเกิน 20% ก็ให้สั่งยึดรถของผู้ประกอบการรายดังกล่าวทุกคัน เชื่อว่าคงสามารถยึดรถบรรทุกได้หลายหมื่นคัน ก็อาจจะทำให้ผู้ประกอบการเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้ากระทำผิด และอาจต้องย้อนถามไปยังสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยด้วยว่า อะไรคือปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความเห็นแก่ตัวจนต้องบรรทุกหนักเกินกำหนด ก็ต้องไปแก้ไขในมิติอื่นๆ ด้วย
ในวันนี้ตนเรียกผู้กำกับการและสารวัตรของสถานีตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ เข้ามาประชุมเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันในการกำหนดทิศทางการทำงาน และยืนยันว่ากรณีดังกล่าว หากมึเจ้าหน้าที่คนใดกระทำความผิด ก็ต้องรับผิดชอบผลการกระทำของตัวเอง จะมาอ้างว่าอาชีพตำรวจไม่พอกินไม่ได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็ให้ไปเลือกอาชีพอื่น ไม่ใช่มาใช้อาชีพตำรวจไปหากิน ตนขอให้ความมั่นใจในฐานะผู้นำของกองบังคับการตำรวจทางหลวงว่าจะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย (สขบท.)
ขณะเดียวกัน นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย (สขบท.) กล่าวว่า ที่มาของเรื่องนี้ มาจากการที่ผู้บริหารพรรคก้าวไกล ได้มารับฟังข้อมูลปัญหาที่สหพันธ์ฯ ก่อนเลือกตั้งประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งตนไม่คิดว่าจะถูกนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน พร้อมยืนยันว่า ปัญหาส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก มีมายาวนานกว่า 20 ปี แต่นับตั้งแต่ยุค คสช. จนถึงขณะนี้ มีความรุนแรงที่สุดกว่าทุกยุค เพราะหากจ่ายส่วยรายเดือน เดือนละ 25,000-27,000 จะสามารถบรรทุกน้ำหนักเกินได้แบบไม่จำกัด เช่น รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ บรรทุกน้ำหนักได้ไม่เกิน 50.5 ตัน หรือ 50,500 กิโลกรัม ก็จะมีการบรรทุกมากเป็น 2 เท่า หรือกว่า 100 ตัน
ทั้งนี้ จากการประเมิน รถบบรรทุกที่ต้องจ่ายส่วยสติ๊กเกอร์มีมากถึง 2 ใน 3 ของรถบรรทุกทั้งหมดกว่า 1.5 ล้านคัน ขณะที่สมาชิกสหพันธ์ฯ กว่า 4 แสนคัน มีการทำเอ็มโอยู ว่าจะไม่ทำผิดกฎหมายจึงถูกเอาเปรียบจากผู้ที่จ่ายส่วย เพราะต้นทุนการขนส่งถูกกว่าเกือบครึ่ง หากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้ประกอบการที่ทำถูกกฎหมายจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ หากไม่เลิกกิจการ ก็จะต้องเข้าร่วมจ่ายส่วยด้วยเพื่อความอยู่รอด
นายอภิชาติ ยังกล่าวถึง รูปแบบของการเก็บส่วยจะมีเอกชนที่เป็นตัวกลางหรือโบรกเกอร์ ทำหน้าที่เก็บเงินจากผู้ประกอบการไปเคลียร์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นใคร แต่ไม่สามารถเปิดเผยผ่านสื่อได้ กลัวจะถูกฟ้องร้อง ขณะที่สติ๊กเกอร์จะมีหลากหลายรูปแบบ เช่น กระต่าย นก พระอาทตย์ หรือ ตัวเลขต่างๆ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนทุกเดือน เพื่ออัปเดตว่ารถคันนี้ จ่ายส่วยแล้วหรือไม่ สำหรับวิธีสังเกต รถที่จ่ายส่วยแล้ว จะเห็นว่าจะมีการวิ่งขวา เพราะจะไม่ถูกตำรวจเรียกตรวจ ทั้งนี้ ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ สหพันธ์ฯ จะไปยื่นเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องส่วยสติกเกอร์ ที่พรรคก้าวไกล เพื่อให้หาทางแก้ไขต่อไป
อ้างอิงข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ภาพประกอบข่าว จาก จส.100, busandtruckmedia.com