หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แจงผลประชุมใหญ่สามัญ ปี 66 ต้องปรับข้อบังคับตามกฎหมายใหม่ ตั้ง 'ทพญ.ศรีญาดา' นั่งรักษาการเหรัญญิก - 'ลิณธิภรณ์' เป็นรักษาการโฆษก แย้มหากยุบสภาประกาศแคนดิเดตนายกไม่เกิน 22 มี.ค
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงผลการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของพรรคเพื่อไทย ว่า การประชุมวันนี้เป็นการประชุมใหญ่สามัญประจำปีตามข้อบังคับของพรรคที่กำหนดให้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยที่ประชุมมีการรายงานผลการปฏิบัติด้านกิจกรรมทางการเมืองและงบการเงินในรอบปี
เพื่อส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึงแต่งตั้งผู้สอบบัญชีรับอนุญาต รวมถึงพิจารณาแก้ไขข้อบังคับของพรรค ให้เป็นไปตามร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่เพิ่งออกมาใหม่ เช่น การจัดทำไพรมารีโหวต ที่จากเดิมแต่ละเขตเลือกตั้ง ต้องมีการลงคะแนนเหมือนการเลือกตั้ง แต่กฎหมายใหม่ กำหนดให้รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคการเมืองในพื้นที่จังหวัดนั้น ๆ แทน
สำหรับกรรมการบริหารพรรค ที่ได้รับความเห็นชอบการประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อเดือนธันวาคม 2565 มีกรรมการบริหารพรรคที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จึงมีความประสงค์ที่จะลาออกจากการเป็นกรรมการบริหาร เพราะไม่อยากให้เป็นประเด็นให้กับพรรคในการเลือกตั้ง เพราะสุ่มเสี่ยงที่ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อาจเป็นเหตุนำไปสู่การยุบพรรคได้ ตอนนี้มีเพียงตนที่จะลง ส.ส.เขตแต่ยังลาออกไม่ได้ และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ยังดำรงตำแหน่งอยู่ ส่วนตำแหน่งต่าง ๆ บางตำแหน่ง เมื่อมีการลาออกก็ได้เลือกกรรมการบริหารที่ยังอยู่ทำหน้าที่รักษาการแทน คือ ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ ทำหน้าที่เป็นเหรัญญิกพรรค น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย
ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กระบวนการสรรหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอยู่ระหว่างดำเนินการ และยืนยันว่ามี 3 คน และจะประกาศรายชื่ออย่างช้าที่สุด หากมีการยุบสภา จะประกาศไม่เกินวันที่ 22 มีนาคม 2566
"และมีการเปิดรับสมัครและให้เวลาในการสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หากปิดรับสมัครวันที่ 28 มีนาคม 2566 อย่างช้าสุดเราก็จะประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทยไม่เกินวันที่ 28 มีนาคม 2566" นพ.ชลน่านกล่ว