ผู้กำกับสน.ห้วยขวางได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมที่สน.หนองจอก วงการตำรวจเรียกการถูกย้ายจากพื้นที่ในเมืองไปชานเมืองว่า 'ลดเกรด'
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2566 เฟซบุ๊กสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ระบุคำสั่งย้ายผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางไปปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลหนองจอก มีรายละเอียดดังนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีคำสั่งโยกย้ายนายตำรวจระดับ ผู้กำกับการถึงระดับรองผู้บังคับการ ประจำปี 2566 พบว่ามีใบคำสั่งล่าสุดที่ 72/2566 ลงวันที่ 30 มกราคม 2566
ให้พันตำรวจเอกยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ที่เดิมมีคำสั่งให้ปฎิบัติราชการในตำแหน่งเดิมในสน.ห้วยขวาง ไปปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลหนองจอก
และมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ พันตำรวจเอกสุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลราษฎร์บูรณะ ที่เดิมมีคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลหนองจอก มาปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางแทน
โดยเป็นคำสั่งเร่งด่วนที่มีการออกลงนามในวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมาและให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้
ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า การโยกย้ายพันตำรวจเอกยิ่งยศ สุวรรณโณ ในครั้งนี้เป็นการให้ไปดูแลในพื้นที่ชานเมือง ที่มีความสำคัญน้อยกว่าในพื้นที่ตัวเมือง ซึ่งในศัพท์วงการตำรวจจะเรียกว่าการ 'ลดเกรด'
นอกจากนี้สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1 ) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง กรณีตั้งด่านนักท่องเที่ยวดาราสาวไต้หวันว่า พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกตร. ประสานมาว่าให้เตรียมพนักงานสอบสวนไว้ เพื่อความปลอดภัยของพยานจึงต้องเดินทางไปสอบปากคำด้วยตนเอง ซึ่งประชุมคณะพนักงานสอบสวน 5 นาย เตรียมประเด็นที่สอบปากคำให้ครอบคลุมเพื่อมัดตัวผู้ถูกกล่าวหา ตอนนี้ตำรวจสน.ห้วยขวางที่ตั้งด่านทั้ง 7 นายถูกแจ้งข้อหาเบื้องต้นทุจริตหย้าที่ ม.157 ไปแล้ว หากสอบปากคำพยานได้เนื้อหาสาระก็แจ้งข้อหาเพิ่มเติมในกรณีเรียกรับสินบน
พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวนเตรียมรูปภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านบริเวณหน้าสถานทูตจีนและฝั่งตรงข้ามรวมทั้ง 14 นาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ทั้งหมดทุกคน โดยจัดเตรียมทำบัญชีไว้หมดแล้วเพื่อให้พยานชี้ตัว
กรณีพยานให้การว่าเอาเงินให้ตำรวจจะต้องถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวว่า ประเด็นนี้พนักงานสอบสวนประชุมหารือกันแล้วว่า ถ้าเป็นกรณีที่ผู้เสียหายถูกข่มขืนใจหรือขู่เข็ญจากเจ้าพนักงานจะมองว่าเขาเป็นผู้เสียหายตามคดีอาญา เพราะฉะนั้นจะไม่ถูกแจ้งดำเนินคดีสอบปากคำไว้เป็นพยานอย่างเดียว
ถ้าสอบปากคำพยานแล้วกล่าวหาไปถึงไหนก็แจ้งดำเนินคดี เช่น กรรโชกทรัพย์ เรียกรับสินบน และข้อหาอื่นที่พบความผิด ต้องรอสอบปากคำพยานของ นายชูวิทย์ ก่อนความผิดถึงใครดำเนินคดีทั้งหมดตามภาพที่ปรากฏ 6-7 คนที่เดินไปใกล้ชิดผู้เสียหายมาเป็นเวลานาน พนักงานสอบสวนประชุมกันแล้วว่า เกิดประเด็นเคลือบแคลงสงสัยว่าอาจจะรู้หรือไม่อย่างไรอาจต้องแจ้งเอาผิด ส่วนการเดินทางไปสอบปากคำพยานนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันที่ประเทศไต้หวัน และพยานที่ประเทศสิงคโปร์ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน บช.น. ขออนุมัติเดินทางไปสอบปากคำพร้อมเตรียมวีซ่าไว้เรียบร้อยแล้ว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
- พบแล้ว! ตร.ที่นทท.จีนจ่าย 7,000 บ. นำส่งถึงที่พัก เป็นรองสารวัตร
- ‘ผบก.จร.’ เรียก 2 ‘ตร.’นำขบวนรถ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ชี้แจง-ส่อไม่ผิดอาญา แค่ผิดทางวินัย
- ผบ.ตร.สั่งจเรฯ สอบ 2 ตำรวจเปิดไซเรนอำนวยความสะดวก นทท.จีนแล้ว-ผู้บังคับบัญชาโดนด้วย
- ตะลุยเว็บเถาเป่าจีน! ส่องแพ็กเกจทัวร์ ตร. VIP ผ่านแดนเข้าไทย - ตั้งราคาสูงสุด 3.2 ล้าน
- ตีแผ่ธุรกิจทัวร์ตร.วีไอพี : บ.ลอว์เฟิร์มไทยปริศนาโพสต์ทวิตโฆษณา-นักการเมืองร่วมถือหุ้น?
- ผบ.ตร. ตั้งคกก.สอบวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญา 4 ตำรวจ ขับรถนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน