ส.ค.ท. ออกแถลงการณ์คัดค้าน ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ชี้ขัดแย้งกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิเด็ก มีการรวบอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง และไม่ส่งเสริมหลักการประชาธิปไตยสากล พร้อมขอให้ผู้ประกอบวิชาชีพได้ติดตามอย่างใกล้ชิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2566 สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ออกแถลงการณ์ เรื่อง '24 มกราฯ วันพิพากษา ผู้ไม่รับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการวิชาชีพครู ของอดีตผู้ที่เคยดำรงตำแหน่ง ครูฯ' เพื่อแสดงสัญลักษณ์คัดค้านร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่กำลังจะพิจารณาวาระที่ 2,3 ของที่ประชุมวันที่ 24 ม.ค. 2566 นี้
ในแถลงการณ์ระบุว่า วันที่ 24 ม.ค. พ.ศ. 2566 รัฐสภาไทย ได้กำหนดให้มีการประชุม เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ.... ภายหลังจากได้มีการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ เมื่อวันที่ 10-11 ม.ค.ที่ผ่านมาและได้เกิดปรากฎการณ์สภาล่มติดต่อกัน ทั้งสองวัน ซึ่งมีสาเหตุที่มาจาก การที่กฎหมาย พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับดังกล่าว มีความมุ่งหมายพิเศษ ที่จะทำลายล้างความเจริญเติมโตด้านสติปัญญาตามวัยของผู้เรียน ขัดแย้งกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิเด็ก มีการรวบอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง ( Single command ) และไม่ส่งเสริมหลักการประชาธิปไตยสากล ด้วยสาเหตุดังกล่าว จึงส่งผลให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชน พร้อมกับผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ลุกขึ้นมาทักท้วงอย่างกว้างขวาง กระจายครอบคลุมไปทั่วประเทศ พรรคการเมือง และนักการเมือง ต่างได้รับทราบปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี
แต่ก็ยังมีความพยายามของสมาชิกรัฐสภาบางส่วน พรรคการเมืองบางพรรคแปรเปลี่ยนอุดมการณ์แห่งเจตจำนงของระบอบประชาธิปไตยและอุดมการณ์แห่งวิชาชีพ ไปอย่างสิ้นเชิง ดังเช่น
1.การวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง และแทรกแซงอำนาจของรัฐสภา
2.การมีพฤติกรรมเป็นปฏิปักษ์ต่อ 'องค์กรวิชาชีพครู ฯ'
3.การมีเป้าหมาย เพื่อตนเองสืบทอดอำนาจหรือหวังผลตอบแทนทางการเมืองของตัวเองและพวกพ้อง
ดังปรากฏการณ์ที่รับรู้โดยทั่วไป ดังนั้น ทางสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย ( ส.ค.ท.) ขอให้ผู้ประกอบวิชาชีพได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และพิพากษาทางการเมืองในเวลาต่อไป โดยไม่เลือกเข้าสู่สภา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปและจารึกไว้ในด้านมืดของวงการศึกษาไทย