ที่ปรึกษารมว.แรงงานเผย หน่วยงานพร้อมดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้เรือบรรทุกน้ำมันที่แม่กลองให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย ด้านกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเตรียมสอบนายจ้างเพื่อหาข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566 นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ทันทีที่ทราบข่าวเหตุเพลิงไหม้เรือบรรทุกน้ำมันที่แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกำชับดูแลสิทธิประโยชน์โดยเร็ว จึงให้ตนลงพื้นที่ร่วมกับแรงงานจังหวัดสมุทรสงคราม พนักงานตรวจความปลอดภัย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 7 และเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อหาสาเหตุและดูแลสิทธิประโยชน์ผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเต็มที่
โดยเบื้องต้นทราบข้อมูลว่า เหตุเกิดวันที่ 17 ม.ค. 2566 เวลาประมาณ 09.10 น. ขณะเรือบรรทุกน้ำมันจอดซ่อมบำรุงที่อู่ ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม ได้เกิดระเบิดเพลิงลุกไหม้บริเวณปากระวางตรงกลางของเรือ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เข้ามาทำการดับไฟที่เรือ และมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เข้ามาในพื้นที่ ต่อมาประมาณเวลา 10.00 น. ได้มีการระเบิดขึ้นมาอีกแต่ไม่รุนแรง สอบถามลูกจ้างซึ่งทำหน้าที่รองต้นกล ทราบว่าขณะเกิดเหตุทำงานอยู่ในห้องเครื่องได้ยินเสียงระเบิดดังมาก ขณะนั้นมีลูกจ้างปฏิบัติงานร่วมกัน 8 คน จึงเรียกให้ทุกคนขึ้นมาบนชั้นห้องพัก พบไฟกำลังลุกไหม้จึงพากันลงจากเรือทางบันได ได้ยินระเบิดดังเป็นช่วงๆ ประมาณ 3 ครั้ง ในส่วนของห้องเครื่องปลอดภัยทุกคน มีชิ้นส่วนปล่องระบายอากาศของปั๊มสินค้ากระเด็นลงมาทะลุหลังคาโกดังข้างเคียงได้รับความเสียหาย
ขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมเพลิงซึ่งยังคงประทุเรื่อยๆ ในเบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 10 ราย ส่ง โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าแล้ว 4 ราย เสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 5 ราย สูญหาย 7 ราย โดยจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ บริเวณที่เกิดเหตุ เพื่ออำนวยการสั่งการ สำหรับสาเหตุของการเกิดเหตุครั้งนี้ พนักงานตรวจความปลอดภัย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสงครามอยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
“ในการนี้ ดิฉันพร้อมหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางไปเยี่ยมลูกจ้างผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 ราย ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า และจะเร่งดำเนินการให้ได้ลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายต่อไป” นางธิวัลรัตน์กล่าว
ด้านนายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มว่า พนักงานตรวจความปลอดภัย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสงคราม และศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 7 จะเชิญนายจ้างและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มาสอบหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า นายจ้างมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 และกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. 2555 หรือไม่ ซึ่งถ้าหากนายจ้างฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวเพิ่มว่า กรณีลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตน ถ้าได้รับบาดเจ็บมีสิทธิได้รับค่าชดเชยจากกองทุนเงินทดแทนดังนี้ ค่ารักษาพยาบาลตามกฎกระทรวง (สถานพยาบาลรัฐบาล 50,000 บาท ถึงสิ้นสุดการรักษา สถานพยาบาลเอกชน 50,000 - 1 ล้านบาท) ค่าทดแทนกรณีหยุดงาน 18(1) จ่ายร้อยละ 70 ของค่าจ้าง ตามใบรับรองแพทย์ และค่าสูญเสียอวัยวะ 18(2) จ่ายร้อยละ 70 ของค่าจ้าง กรณีเสียชีวิตจะได้รับค่าทำศพ 50,000 บาท และเงินสงเคราะห์ตามสิทธิ สำหรับแรงงานต่างด้าว 3 ราย ยังไม่พบการขึ้นทะเบียนประกันสังคม