'ออมสิน' เผย พ.ย.นี้ทดสอบระบบสินเชื่อดอกเบี้ยถูกเกินจริง หลังตั้ง บ.มีที่มีเงิน คาดนำร่อง 5 จ.ใหญ่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ,สมุทรปราการ ก่อน หวังลดภาระผู้ประกอบการรายย่อย ชี้ระบบใหม่ไม่ต้องตรวจเครดิตบูโร
นายวิทัย รัตนากร ผู้อํานวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสินได้ประกาศร่วมทุน จัดตั้งบริษัท มีที่ มีเงิน จํากัด กับบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) เมื่อช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพื่อเข้าไปแข่งขันในตลาดสินเชื่อที่ดิน ขายฝาก มุ่งลด โครงสร้างดอกเบี้ยซึ่งสูงเกินความเป็นจริง ให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากเงินกู้ที่มีต้นทุนถูกลงด้วยอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรม นั้น โดยความคืบหน้าขณะนี้จนถึงเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงของการทดสอบ ระบบและความพร้อมต่างๆ จากนั้นจะนําร่องเปิดให้บริการ สินเชื่อที่ดิน ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการสินเชื่อ ดังกล่าวตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ภายในสิ้นปี 2565 เป็นต้นไป โดยมีสาขาของธนาคารออมสินเป็นหลัก ในการให้บริการ ทั้งนี้จะมีการเปิดตัวผู้บริหาร และบริษัท มีที่ มีเงิน จํากัด อย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้
สินเชื่อที่ดิน มีเป้าหมายช่วยเหลือธุรกิจ SMEs โดยเปิดรับจํานองที่ดิน และขายฝาก รีไฟแนนซ์ ให้กู้ได้ ทั้งบุคคลธรรมดา วงเงินกู้ 300,000 บาท ถึง 10 ล้านบาท และนิติบุคคล วงเงินกู้ตั้งแต่ 300,000 บาท จนถึง 50 ล้านบาท ให้วงเงินกู้สูงสุด 70% ของราคาประเมินที่ดินราชการ คิดอัตราดอกเบี้ย 6.99-8.999% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชําระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี โดยให้ปลอดชําระเงินต้นนาน 1 ปี ที่สําคัญคือ ไม่ตรวจเครดิตบูโร ไม่ตรวจสอบ รายได้ และไม่ต้องใช้บุคคลค้ําประกันเงินกู้
อนึ่ง ธนาคารออมสินประสบความสําเร็จจากการเปิดให้บริการสินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน ในช่วงปี 2563 2565 ซึ่งสามารถช่วยธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจทั่วไป ด้วยวงเงินสินเชื่อรวมกว่า 21,000 ล้านบาท จนนําไปสู่การจัดตั้ง บริษัท มีที่ มีเงิน จํากัด เพื่อทําธุรกิจสินเชื่อที่ดิน ในการช่วยลดภาระ และเพิ่ม สภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ หรือ SMEs เชื่อว่าด้วยจุดแข็งของเครือข่ายสาขาของทั้งธนาคารออมสิน บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จะสามารถปล่อยสินเชื่อที่ดิน และช่วย ประชาชนกลุ่มธุรกิจ SMEs ได้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป