โฆษกรัฐบาลเผยกระทรวงการคลังเคาะวันลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่แล้ว ตามข้อสั่งการนายกฯ เริ่ม 5 ก.ย.- 19 ต.ค. 65 คาดมีผู้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 15-16 ล้านคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่่อวันที่ 13 ส.ค. 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งมั่นแก้ไขปัญหายกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างเข้มแข็ง ที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือผ่านมาตรการและโครงการต่างๆ มากมาย ส่งผลต่อความพึงพอใจของประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งอีกหนึ่งมาตรการที่เห็นผลเป็นรูปธรรม ประชาชนได้รับผลประโยชน์โดยตรงคือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจนที่เปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
นายธนกร กล่าวว่า โดยครั้งนี้ กระทรวงการคลัง กำหนดระยะเวลาเริ่มเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน – 19 ตุลาคม 2565 ตามช่องทางเว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ http://welfare.mof.go.th และการลงทะเบียน ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนในพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร สำนักงานเมืองพัทยา สาขาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาธนาคารออมสิน และสาขาธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ส่วนรายละเอียด หลักเกณฑ์ต่างๆ ประชาชนสามารถดูได้ทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ http://welfare.mof.go.th หรือสอบถามหน่วยงานของรัฐดังข้างต้น
นายธนกร กล่าวต่อไปว่า สำหรับสิทธิประโยชน์จะมีการปรับปรุงให้มีความเป็นธรรมทั่วถึงระหว่างคนในเมืองและต่างจังหวัดมากขึ้น ขณะเดียวกันจะพิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มในปัจจุบัน ขณะที่ผู้ที่ใช้บัตรสวัสดิการฯ เดิม ไม่ต้องกังวล ขณะนี้ยังใช้สิทธิ์ได้ตามปกติ จนกว่าจะมีบัตรสวัสดิการรอบใหม่ ที่เป็นบัตรประชาชนมาแทน คาดว่าบัตรคนจนรอบใหม่ จะมีผู้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเล็กน้อย 13 ล้านคน เพิ่มเป็น 15-16 ล้านคน ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด
"การยกระดับคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย โดยใช้มาตรการความช่วยเหลือด้านการเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และการเข้าถึงสิ่งจำเป็นพื้นฐานต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ถือเป็นการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความ เหลื่อมล้ำ ภายใต้บริบทการดำเนินนโยบายสาธารณะ ที่สอดรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561 – 2580) ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชน ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน มุ่งมั่นตั้งใจเดินหน้าแก้ไขปัญหา โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" นายธนกร กล่าว