'สมคิด'ปาฐกถากล่อมนักธุรกิจภาคใต้ เลือกตั้งครั้งหน้าอย่าเลือกพรรคที่ไปทำสิ่งเดิมๆ หาคนทำงาน สร้างความเปลี่ยนแปลง พร้อมส่งสัญญาณเตือน 3 พายุเศรษฐกิจโลก จากวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการถดถอยของ 2 มหาอำนาจจีน-สหรัฐฯ แนะรัฐบาลเตรียมเงินรักษาการจ้างงาน-ช่วยเอสเอ็มอี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2565 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานเสวนาสร้างอนาคตภาคใต้ จัดโดยสมาคมสื่อมวนภาคใต้ 2538 (ส.ม.ต.) โดยมีนักธุรกิจในพื้นที่ภาคใต้เข้าร่วมรับฟัง
นายสมคิด กล่าวตอนหนึ่งว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกหนักและลึกเกินกว่าที่ใครๆ เคยคาดคิด อนาคตยังไม่สามารถจินตนาการได้ว่าจะไปถึงจุดไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลไทยจะต้องไม่ตั้งอยู่ในความประมาทเด็ดขาด
องค์กรการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยง 3 ด้าน รวมกันเป็น Perfect Strom คือ สงครามรัสเซียและยูเครน เศรษฐกิจสหรัฐฯที่กำลังต่อสู้กับเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจจีนที่เกิดการชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบมาจากการล็อคดาวน์ช่วงโควิด
ไทยต้องพร้อมรับมือ เพราะการส่งออกคือเส้นเลือดใหญ่จะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ขณะที่ค่าเงินบาทผันผวนจะทำให้คนไม่กล้าลงทุน อีกทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกจะทำให้ความต้องการสินค้าของโลกถดถอย รวมถึงการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบแน่นอน
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกจะกระทบไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะไม่จบใน 2 ปี ดังนั้นการเตรียมที่ดี เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ต้องดูว่าหน้าตักเรามีอยู่แค่ไหน หากไม่มีเงินมาดูแลจะมีชีช้ำกันเยอะ ก่อนหน้านี้เคยเตือนว่าขณะนี้เป็นภาวะไม่ปกติ ไม่สามารถจัดงบประมาณแบบปกติได้ ต้องรู้ว่าอะไรควรหยุด อะไรควรเกลี่ย ไม่ใช่มีแค่งบกลางของนายกรัฐมนตรี 8-9 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินกู้หน้าตักตอนนี้อย่างเก่งก็สร้างหนี้สาธารณะได้ 65% ของจีดีพี ซึ่งมีเงินไม่กี่แสนล้านบาทที่อุดช่องว่างพอให้ยืดหยุ่นได้
“คนบอกไทยยังห่างไกลศรีลังกา เพราะมีเงินสำรองระหว่างประเทศกว่า 210,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีมากพอที่พ่อค้าจะสั่งสินค้าเข้ามาถึง 8 เดือน มีหนี้ระยะยาวมากกว่าหนี้ระยะสั้น 3 เท่าตัว ฉะนั้นห่างไกลจากวิกฤติการณ์ ตรงนี้ชัดเจนไม่มีใครเถียง แต่มีอีกปัญหาที่ต้องดูคือ ไทยเกิดปัญหาขาดดุลคู่ คือ ขาดดุลการคลัง และดุลบัญชีเดินสะพัดเริ่มขาดดุล ส่งออกเบาบางลงหลายเดือน แต่การนำเข้ามูลค่าแพงขึ้น เป็นสัญญาณไม่ดีหากสิ่งเหล่านี้ระเบิดพร้อมๆกัน จะเกิดภาวะเศรษฐกิจหักศอก” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า แม้ว่าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูง 210,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่หนี้ต่างประเทศของไทยมีถึง 190,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้ไม่ใช่หนี้ระยะสั้น แต่หนี้ก็คือหนี้ เขาทวงคืนเมื่อใดก็ได้ ซึ่งรัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าจะทำอย่างไร
ขอฝาก 2 เรื่องถึงรัฐบาล คือ เตรียมพร้อมเงินที่จะรองรับ ไม่ใช่แค่จัดงบกลาง แต่อาจตั้งต้องกองทุนเฉพาะกิจ ต้องดูแหล่งเงินเพิ่มเติมหากจะกู้เพื่อใช้สำหรับการลงทุนที่สามารถสร้างการจ้างงาน เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ และต้องเตรียมการมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี) ซึ่งต้องดูการเพิ่มทุนให้กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐให้เพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี เพื่อไม่ให้ธุรกิจล้มและรักษาการจ้างงานไว้ได้
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า การเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมคือหัวใจ ในการสร้างเศรษฐกิจทั้งเชื่อมโยง EEC ขนส่งรถไฟรางคู่ การท่องเที่ยวก็ต้องมีการเชื่อมโยงถึงกันอย่างไม่ยาก สร้างแหล่งท่องเที่ยวชุมชน หรือยกชุมชนมาหาแหล่งท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นการเชื่อมโครงข่ายด้านการคมนาคมจึงสำคัญมาก
“การเลือกตั้งในครั้งต่อไป ถ้าจะให้ลูกหลานมีอนาคต ไม่ต้องไปจำเจ รอว่าธรรมชาติจะดีหรือไม่ดี สวรรค์ให้ทุกอย่างกับภาคใต้มาครบแล้ว คุณต้องเลือกคนที่ตั้งใจเข้าไปทำงาน ผมไม่ได้บอกว่าพรรคไหน ได้ทุกพรรค แต่เอาคนที่ไปทำงานให้คุณ เป็นปากเป็นเสียงให้กับคุณได้ ต้องคิดให้ดีว่าใคร พรรคไหนจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับคุณได้ ไม่ใช่เลือกพรรคที่ไปทำสิ่งเดิมๆ ของเดิมยังขับเคลื่อนไม่ได้ แล้วจะขับเคลื่อนของใหม่ได้อย่างไร พยายามเลือกคนหนุ่มสาว ไม่ใช่คนแก่ไม่ดี แต่คนรุ่นใหมีมีไฟ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ท้องถิ่นได้” นายสมคิด กล่าว