ผบ.ตร.สรุปผลกวาดล้างขบวนการ ‘เบลพันกระบอก’ สวมสิทธิ์ใบ ป.3 ส่งปืนสวัสดิการขายประเทศเพื่อนบ้าน เงินหมุนเวียน 150 ล้านบาท รวบผู้ต้องหา 17 รายมีนายอำเภอศรีราชา-ข้าราชการด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2565 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายค้าอาวุธ ‘เบลพันกระบอก’ กระจายกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหา 17 คน พร้อมของกลางเป็นรถยนต์ 6 คัน บ้านพักจำนวน 2 หลัง เรือ 5 ลำ อาวุธปืน จำนวน 17 กระบอก เครื่องกระสุนขนาดต่างๆ กว่า 10,000 นัด ใบ ป.3 จำนวน 36 ใบ ใบ ป.4 จำนวน 490 ใบ สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ จำนวน 28 เล่ม
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 17 ราย ที่ถูกจับกุมตัวมานั้น พบเป็นต้องหาสำคัญจำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายดนุพล ยงพงศ์ อายุ 32 ปี เบล แสมสาร หรือ เบลพันกระบอก อายุ 32 ปี จับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 143/22 หมู่บ้านนาวีเฮ๊าส์ 43 ม.4 พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี , นายดงพล รุจิธรรมธัช อายุ 49 ปี นายอำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี จับกุมตัวได้ที่บ้านพักใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี , นายสาวิตร เจียมจิระ อายุ 60 ปี อดีตนายอำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี จับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ น.ส.กรณิศ เป๋าทุ้ย อายุ 52 ปี เจ้าหน้าที่อำเภอไทรโยค และ นายญาณเดช เอี่ยมสะอาด อายุ 31 ปี เจ้าหนาที่อาสา ที่ทำหน้าที่รวบรวมรายชื่อคนขอใบอนุญาต จับกุมตัวได้ในพื้นที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3.บก.ป. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2563 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมขบวนการค้าอาวุธสงคราม พร้อมของกลางอาวุธปืนสงคราม 25 กระบอก , เครื่องกระสุนปืนกล ลูกระเบิดขว้างสังหาร จำนวนหลายรายการ รวมถึงวันที่ 30 ก.ค.2564 เจ้าหน้าที่ศุลกากร จังหวัดหนองคาย ได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืน ขนาด .22 จำนวน 35 กระบอก จึงขยายผลตรวจสอบก่อนพบว่า เตรียมนำไปส่งขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยมี นายดนุพล หรือเบล เกี่ยวข้องทั้งสองกรณี สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงสั่งการให้เร่งดำเนินการสืบสวนขยายผลเรื่อยมาเพื่อทำลายเครือข่ายดังกล่าวให้สิ้นซาก
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับเครือข่ายดังกล่าวมีการทำกันเป็นขบวนการ มีการวางแผนการทำงานในลักษณะกลุ่มอาชญากร แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน อาทิ 1.กลุ่มนายทุน 2.กลุ่มนายดนุพล หรือเบล ซึ่งมีหน้าที่หาคนทำใบ ป.3 และขนส่งอาวุธ 3.กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำหน้าที่ออกใบอนุญาติ และ 4.กลุ่มร้านปืน นอกจากนี้ยังพบพยานหลักฐานสำคัญว่าขบวนการนี้มีแผนประทุษกรรมเอาชื่อบุคคลอื่น หรือคนในขบวนการ มาขอใบอนุญาตซื้ออาวุธปืน (ป.3) จากการตรวจสอบพบมีการขอใบ ป.3 มากกว่า 2,000 ใบ ประกอบไปด้วย อาวุธปืนลูกซอง ขนาด .22 และ อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ซึ่งเดิมที นายดนุพล จะมีฉายา เบลร้อยกระบอก แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าเคยสามารถจัดทำใบอนุญาตได้กว่า 2,000 กระบอก จึงเปลี่ยนฉายาเป็น เบลพันกระบอก ในเวลาต่อมา
“บุคคลที่มาขอออกใบ ป.3 ส่วนใหญ่มี พฤติการณ์ที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย อ้างว่าขอมาใช้เพื่อการกีฬา บางส่วนไม่ทราบถึงสาเหตุในการยื่นคําร้อง ขอใบ ป.3 โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนแบบ ป.3 ร่วมดำเนินการ ปลอมเอกสารและออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน จากนั้นจะทำการซื้ออาวุธปืนที่ร้านจําหน่ายอาวุธปืน และส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ยังเชื่อว่ามีการจําหน่ายในตลาดมืดภายในประเทศด้วย เบื้องต้นพบว่าขบวนการนี้ได้กำไรจากอาวุธหปืนกระบอกละ 30,000 – 50,000 บาท พบเงินหมุนเวียนมากกว่า 150 ล้านบาท” พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าว
พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ มีเพียงบางส่วนที่ยังคงยืนกรานปฏิเสธ โดยเฉพาะ นายดนุพล หรือ เบล ให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน แล ไม่ขอให้การใด ๆ ในชั้นจับกุม อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะยังคงดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อเนื่อง เพื่อเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด แต่เชื่อว่าตัวการสำคัญของขบวนการดังกล่าวได้ถูกจับหมดสิ้น ไม่น่าจะมีตัวการใหญ่กว่านี้อีกแล้ว
ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ผลพวงจากการกระทำของขบวนการดังกล่าว ส่งผลให้ในปัจจุบันกลุ่มอาชญากรสามารถจัดหาอาวุธปืนเถื่อน หรือ อาวุธสงคราม มาครอบครองกันได้ง่ายขึ้น ซึ่งการกวาดล้างจับกุมครั้งนี้จึงเหมือนกับเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมให้ลดน้อยลง และ แน่นอนหลังจากนี้จะยังคงเร่งดำเนินการขยายผลต่อเนื่องว่าปืนเถื่อน ปืนสวัสดิการเหล่านี้มีที่ไปที่มาอย่างไร และ ยังมีเจ้าหน้าที่รายอื่นเกี่ยวข้องหรือมีส่วนรู้เห็นเพิ่มเติมด้วยอีกหรือไม่ และหากพบว่าใครผิดหรือเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการส่วนไหนก็ตาม
ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ตำรวจยังได้ประสานความร่วมมือกับทาง ป.ป.ง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน จนสามารถตามยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดรวมกว่า 50 ล้านบาท ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวในการออกใบอนุญาต ใบ ป.3 ที่ถูกจับกุมในวันนี้ แบ่งเป็น นายอำเภอที่ยังอยู่ในราชการ 1 คน และ เกษียณอายุราชการ 1 คน และหากขยายผลเพิ่มเติมพบว่ายังมีเจ้าหน้าที่รัฐไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือ ข้าราชการหน่วยใดเกี่ยวข้องยืนยันจะดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น