บก.น.6 มีคำสั่งเด้ง 4 เสือ สน.ปทุมวัน เซ่นปมกรมการปกครอง นำกำลังบุกค้นผับย่านรองเมือง เปิดเกินเวลา-ยาเสพติดเพียบ พบนักเที่ยวฉี่ม่วง 17 รายนำตัวส่งบำบัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2565 พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ลงนามในคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) ที่ 207/2565 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ โดยมีผลให้ตำรวจ 6 นายย้ายไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (ศปก.บก.น.6) โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ดังนี้
1.พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน 2.พ.ต.ท.ปิติพัฒน์ เอกอัครภูววัฒน์ รอง ผกก.สน.ปทุมวัน 3.พ.ต.ท.พิชัย รักษาคม สารวัตรป้องกันปรามปราม สน.ปทุมวัน 4.พ.ต.ท.นพดล สินศิริ สารวัตรสืบสวน สน.ปทุมวัน ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
นอกจากนั้นยังมีคำสั่ง บก.น.6 ที่ 208/2565 ให้ พ.ต.อ.ธรา แปงเครื่อง รอง ผบก.น.6 รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผกก.สน.ปทุมวัน และ พ.ต.ต.ทรงพล วอทอง สารวัตรป้องกันปราบปราม สน.ปทุมวัน รักษาราชการแทน รอง ผกก.ป้องกันปราบปราม สน.ปทุมวัน อีกหน้าที่โดยไม่ขาดจากหน้าที่ปกติ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 02.30 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ร่วมกับตำรวจ สน.ปทุมวัน บุกเข้าตรวจค้นแวมไพร์ผับ ย่านรองเมือง ซอย 5 แขวงหิรัญรูจี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ หลังได้รับแจ้งว่าผับแห่งนี้เปิดให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าใช้บริการ ตั้งแต่เวลา 23.00น.-04.00 น. ซึ่งเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนมีการลักลอบค้าประเวณี และมีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติลาวและเมียนมาทำงานอยู่ภายในสถานบริการ รวมทั้งอาจมีการมั่วสุมเสพยาเสพติด
จากการตรวจค้นพบนักท่องเที่ยวชายหญิง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 500 คน เบื้องต้นพบมีนักเที่ยวปัสสาวะสีม่วง จำนวน 18 คนในจำนวนนี้มีเด็กอายุ 19 ปี กำลังตั้งครรภ์และพบสารเสพติดในร่างกายด้วย
นอกจากนี้ยังพบยาไอซ์ และยาอี แบ่งอยู่ในถุงซิปขนาดเล็ก และพบยาเสพติดบบางส่วนถูกห่อซุกซ่อนในธนบัตรอีกจำนวนหนึ่ง หล่นอยู่ตามพื้น เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กรมการปกครอง เปิดเผยว่า สถานที่แห่งนี้เคยเป็นอู่ซ่อมรถ แล้วดัดแปลงเป็นผับ ให้บริการชาวต่างชาติ แต่ถูกสั่งปิดตามคำสั่ง คสช. ไปเมื่อประมาณปี 2561 แต่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเจ้าของปัจจุบันที่เป็นชาวไทยอ้างว่าได้เซ้งกิจการมาจากเจ้าของเดิม โดยไม่มีใบอนุญาตประกอบสถานบริการ และอ้างว่าไม่ทราบว่ามีคำสั่งปิด 5 ปี อย่างไรก็ตามผับแห่งนี้มีรั้วติดกับสถานศึกษา ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะต้องปิดถาวร ไม่สามารถเปิดให้บริการได้อีก
นอกจากนี้เมื่อดูจากพฤติการณ์และแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าเจ้าของมีเจตนาอำพรางปกปิดทางเข้าสถานบริการชัดเจน และน่าจะรู้เห็นกับการจัดให้มีการมั่วสุมเสพสารเสพติดด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบพิรุธลักษณะจัดให้เสพยาเสพติดภายในห้องน้ำ โดยมีการ์ดเฝ้าหน้าห้อง
เบื้องต้นตำรวจเตรียมดำเนินคดีกับเจ้าของผับในหลายข้อหา ทั้งเรื่องการประกอบธุรกิจสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเปิดสถานบริการภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งปิด 5 ปี , การจำหน่ายสุราเกินเวลา และจำหน่ายสุราให้กับเยาวชน , จัดให้มีการมั่วสุม และเสพยาเสพติด , และความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก
ต่อมา พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สืบสวนสอบสวน 6 สำนักการสอบสวนและนิติการ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ว่า สถานประกอบการดังกล่าวได้เปิดเกินเวลาและกระทำผิดกฎหมาย ก่อนจะเข้าปฏิบัติการในวันที่ 10 มิ.ย.จึงร่วมกันวางแผนและได้ลงบันทึกประจำวันไว้ช่วงเที่ยงคืนของคืนวันที่ 10 มิ.ย.
จากตรวจสอบร้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านที่อยู่อาศัยมิดชิด อยู่บริเวณโซนรองเมือง จึงต้องใช้กำลังตำรวจจำนวนมากในการเข้าค้น พบว่ามีการทำผิดกฎหมายจำหน่ายสุราและคนที่ไม่พกบัตรประชาชน มีปัสสาวะเป็นสีม่วง รวม 17 ราย และ 26 คนไม่พกบัตรประชาชน โดยผู้มีสารเสพติดทั้ง 17 รายยินยอมไปบำบัดโดยจะนำตัวส่งสถานบำบัด และผู้ไม่พกบัตรประชาชนได้ทำการเปรียบเทียบปรับในชั้นสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้จัดการและเจ้าของร้านถูกแจ้งข้อหา "ฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ที่ 22/58 เปิดให้บริการสถานประกอบการอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายสถานประกอบการ