‘ชัชชาติ’ ประกาศ 1 ก.ค. จ้างนักโทษลอกท่อผ่านกฎกระทรวงปี 63 ส่วนจะจ้าง 100% หรือไม่ ขอดูอนาคต ด้านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เตรียมกำลังนักโทษ 1,000 คนรับภารกิจลอกท่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 มิถุนายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประชุมหารือระหว่าง กทม. และ กรมราชทัณฑ์ หัวข้อ การดำเนินงานล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำให้กับ กทม. โดยมี รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่า กทม., ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัด กทม., นายสมศักดิ์ มีอุดมศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ
นายชัชชาติ กล่าวว่า ตามที่นายมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีดำริถึงความร่วมมือกันระหว่าง กทม. กับกรมราชทัณฑ์ในการลอกท่อระบายน้ำโดยผู้ต้องขัง โดยวันนี้ได้เป็นการหารือถึงความร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ในการนำผู้ต้องขังออกมาลอกท่อทำความสะอาดท่อระบายน้ำ
ที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่ ได้รับคำชมจากประชาชนส่วนใหญ่บอกว่า การลอกท่อที่ทำโดยผู้ต้องขังจากกรมราชทัณฑ์คุณภาพดี ประชาชนในชุมชนนำอาหารมาเลี้ยงขอบคุณในการทำงานหนักและมีคุณภาพ อีกทั้งผู้ต้องขังได้ทำประโยชน์ให้สังคม มีรายได้เพิ่มเข้ามา ได้ลดโทษ อย่างไรก็ตาม การนำผู้ต้องขังมาทำงานนั้น ได้เน้นย้ำในเรื่องของสิทธิมนุษยชน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว
ผู้ว่า กทม. กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกทม. มีท่อระบายน้ำที่ต้องดำเนินการลอกทำความสะอาดทั้งสิ้น 6,564 กิโลเมตร แบ่งเป็นในส่วนของสำนักการระบายน้ำ ที่ดูแลรับผิดชอบ 2,050 กิโลเมตร และสำนักงานเขต 50 เขต ดูแลรับผิดชอบ 4,514 กิโลเมตร ในปีนี้ได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 2,000 กิโลเมตร แต่ในช่วงที่เหลืออีก 4 เดือนของปีงบประมาณ ซึ่งยังมีงบประมาณเหลืออยู่
จากการหารือกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะเริ่มดำเนินการได้วันที่ 1 ก.ค.2565 โดยจะทำให้ได้มากที่สุด และมอบหมายให้แต่ละสำนักงานเขตสำรวจจุดที่เป็นปัญหาน้ำท่วม โดยศึกษาจากระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน ซึ่งเป็นรัฐบาลกับรัฐบาลก็สามารถดำเนินการได้เลย อีกทั้งในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมเป็นช่วงที่ฝนทิ้งช่วงพอดี เราสามารถดำเนินการลอกท่อได้
นอกจากนี้ อยากให้เจ้าของบ้านหรือร้านค้า ออกมาดูด้วยว่าภายในท่อระบายน้ำจะมีไขมันอุดตันอยู่ ซึ่งบ้านเรือนเหล่านั้นอาจทิ้งคราบไขมันลงมา อยากให้เป็นความร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งการติดตั้งบ่อดักไขมัน ลดปัญหาการอุดตัน เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว นับว่าเป็นสิ่งที่ดีในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
“การระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ เส้นเลือดใหญ่ ดูแลโดยสำนักการระบายน้ำ คือคลองสายหลักและท่อระบายน้ำหลัก เส้นเลือดฝอย คือคลองย่อยและท่อระบายน้ำย่อย ดูแลโดยสำนักงานเขต จากฝนตกเมื่อช่วงเย็นวานนี้ก็ไม่มีปัญหาน้ำท่วมขัง นับว่าเป็นการตื่นตัวมีการปรับปรุงเครื่องสูบน้ำ มีการทำงานในเส้นเลือดฝอยเพิ่มมากขึ้น” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
1 ก.ค. จ้างนักโทษลอกท่อ
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำเคยบอกว่า ลอกเพียงแค่ 2 คลองนั้น คือถูกต้องเพราะนั่นคือคลองหลัก แต่คลองย่อยที่สำนักงานเขตดูแล ลอกท่อไปประมาณ 40 คลอง ก็เป็นสิ่งที่ผู้อำนวยการ สนน.พูดถูกต้อง เพราะพูดในฐานะที่ดูแลคลองหลัก แต่ตนอาจจะสื่อสารผิดเองและไม่เข้าใจกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ตั้งเป้าหมาย และงบประมาณไว้หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นตั้งเป้าขุดลอกท่อ 500 กิโลเมตร แต่งบประมาณมีอยู่ 15 ล้านบาท สามารถทำได้ก่อน 100 กม.ทันที ซึ่งเป็นราคาที่สมเหตุสมผล ถึงแม้เอกชนจะเสนอราคาต่ำ แต่คุณภาพกลับไม่ได้ ดังนั้นในเรื่องของราคา ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเอกชน จึงมั่นใจว่าราชทัณฑ์จะทำได้ดีกว่า
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ การจ้างแรงงานนักโทษดังกล่าวผ่านกระบวนการระหว่างรัฐ ตามกฏกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องส่งเสริมหรือสนับสนุน ปี 2563 (วิธีพิเศษ) โดยไม่ต้องเข้ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง (e-bidding) ซึ่งก่อนหน้านี้ กทม.ไม่สามารถจ้างกรมราชทัณฑ์ได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ 2560
ส่วนในอนาคต กทม.จะจ้างกรมราชทัณฑ์ ในการลอกท่อ 100%นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามลำดับความเหมาะสม รวมถึงคุณภาพการทำงาน ก่อนหน้านี้มีประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า เอกชนลอกท่อไม่สะอาด แต่นักโทษจากกรมราชทัณฑ์สามารถลอกท่อได้อย่างมีคุณภาพ สำหรับการตรวจประเมินคุณภาพ ประสิทธิภาพการลอกท่อ จะมีเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือวัดตะกอนหรือปริมาณดินที่เหลืออยู่ในท่อตามเกณฑ์ที่กำหนด
จัดกำลังนักโทษ 1,000 คน
ด้านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวด้วยว่า การลอกท่อเป็นนโยบายของกรมราชทัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับผู้ต้องขัง โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน รวมถึงสวัสดิการต่างๆ การดูแลรักษายามเจ็บป่วย อาหารเครื่องดื่ม การที่ผู้ต้องขังออกมาทำงานลอกท่อ จะเป็นการปรับตัวก่อนพ้นโทษสร้างการยอมรับต่อสังคม อีกทั้งเป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้ต้องขังได้เก็บหอมรอมริบเมื่อพ้นโทษ ทางกรมราชทัณฑ์ได้เตรียมผู้ต้องขังไว้ 1,000 คน จาก 10 เรือนจำ พร้อมดำเนินการได้ทันทีในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ตามนโยบายของกรุงเทพมหานครมหานคร และนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต่อไป
“นับว่าเป็นมิติที่ดี ที่เราได้เจอทุกหน่วยงาน ยกมือไหว้ทุกหน่วย เพื่อขอความร่วมมือ ถ้าทุกคนร่วมใจกัน จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อีกมากมาย ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่จะไปเจอกัน การนำผู้ต้องขังมาทำงานนั้น ได้เน้นย้ำเรื่องสิทธิมนุษยชน ให้ปฏิบัติตามปกติเหมือนประชาชนทั่วไป ทั้งค่าแรง สวัสดิการ รวมถึงความสมัครใจของผู้ต้องขัง นอกจากนี้ยังมีแนวคิดจัดทำคณะกรรมการร่วมภาครัฐ ภาคเอกชน กทม. เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สุดท้ายเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในตอนท้าย