‘รมว.คลัง’ ลงนามสัญญากู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่น 5 หมื่นล้านเยน ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินเยียวยาโควิดฯเพิ่มเติม ขณะที่ ‘บิ๊กตู่’ โอดถูกรุมด่า 'กู้อีกแล้ว' ยืนยันระมัดระวังการบริหารการเงินการคลัง
.............................
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และ Mr. Morita Takahiro ผู้แทนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency: JICA) ร่วมกันลงนามสัญญาเงินกู้สำหรับ COVID-19 Crisis Response Emergency Support Loan ของรัฐบาลญี่ปุ่นผ่าน JICA วงเงิน 50,000 ล้านเยน อัตราดอกเบี้ย 0.01% อายุเงินกู้ 15 ปี มีระยะเวลาปลอดเงินต้น (Grace Period) 4 ปี
ทั้งนี้ การกู้เงินของประเทศไทยดังกล่าว เป็นการดำเนินการภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 (พ.ร.ก.โควิด เพิ่มเติม พ.ศ. 2564)
“การกู้เงินครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศในหลากหลายมิติซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.ก. โควิด เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 เพื่อใช้สนับสนุนด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการป้องกันและรักษาผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน การรักษาระดับการจ้างงานจากผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
นอกจากนี้ การกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นในครั้งนี้จะช่วยลดการแย่งชิงทรัพยากรจากตลาดการเงินในประเทศ (Crowding Out) และเป็นการเพิ่มแหล่งเงินทุนระยะยาวที่มีต้นทุนต่ำเพื่อช่วยประหยัดภาระดอกเบี้ยของรัฐบาล รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งเงินกู้ดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาขยายตัวอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” กระทรวงการคลัง ระบุ
สำหรับเงินกู้ COVID-19 Crisis Response Emergency Support Loan เป็นเงินกู้ที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินกู้แก่ประเทศต่างๆ เพื่อใช้สำหรับแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และ Mr.Morita Takahiro ผู้แทนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ร่วมกันลงนามในสัญญาเงินกู้สำหรับ COVID-19 Crisis Response Emerqency Support Loan วงเงิน 50,000 ล้านเยน ณ ห้องประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2565)
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อกรณีที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไทย 5 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยระบุว่า การที่ประเทศไทยกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่น 5 หมื่นล้านเยน เป็นการกู้เงินภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินโควิดฯเพิ่มเติม วงเงิน 5 แสนล้านบาท ขณะที่เงินกู้ดังกล่าวญี่ปุ่นจะคิดอัตราดอกเบี้ยจากประเทศไทยต่ำมาก
“พอมีรูปผม แล้วบอกญี่ปุ่นให้กู้เงิน ก็จะรุมผม เล่นงานว่านายกฯจะกู้อีกแล้ว จริงๆแล้วเงินกู้ก้อนนี้ อยู่ในยอด พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน ที่อนุมัติไปแล้ว ซึ่งการกู้เงินตาม พ.ร.ก. จะเป็นการทยอยกู้มาตามความจำเป็น โดยใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศเป็นหลัก และที่ญี่ปุ่นเขามาช่วยตรงนี้ ถ้าเรากู้เขา เขาจะช่วยเรื่องดอกเบี้ยต่ำ แต่เขามีข้อแม้ว่า เราจะต้องดูแลเรื่องโควิด-19 และการพัฒนาเรื่องการตรวจคัดกรองตามจังหวัดชายแดนของเราจากประเทศรอบบ้าน” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า อย่าบอกว่ารัฐบาลกู้เงินอีกแล้วเลย และอยากให้ทุกคนเข้าใจว่ารัฐบาลบริหารด้วยความระมัดระวังที่สุดแล้ว โดยเฉพาะการบริหารการเงินการคลัง ซึ่งยังมีความเข้มแข็งอยู่ เพราะถ้าไม่เข้มแข็งพอ หากไปขอใครก็คงไม่มีใครให้กู้ และเรากู้เท่าที่จำเป็น