โฆษกรัฐบาลเผย 2 เดือน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-‘คนละครึ่ง’เฟส 4 เม็ดเงินสะพัด 6.4 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง เฟสที่ 4 รวมถึงโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฟสที่ 4 และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษระยะที่ 2 ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา 2 เดือน
ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. ระบุว่า มีผู้ใช้สิทธิ สะสม 40.9 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม รวม 64,471.08 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 26.26 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 58,715.2 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 29,879.3 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 28,836.0 ล้านบาท 2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.36 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 5,282.76 ล้านบาท และ 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.28 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 473.12 ล้านบาท
นายธนกร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายนายกรัฐมนตรีที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก และให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้น้ำมาใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด รวมถึงจากสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย ทั้งมาตรการด้านพลังงานและเชื้อเพลิง ค่าครองชีพ การขนส่ง แรงงานและนายจ้าง เป็นต้น
“นายกรัฐมนตรีย้ำให้ทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานทำงานอย่างหนัก ในการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ แก้ปัญหาหนี้สินภาคประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยโครงการคนละครึ่ง เป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก สามารถลดภาระค่าครองชีพประจำวันของประชาชนได้เห็นผล ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายได้อีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 30 เม.ย.กระทรวงการคลังคาดว่าเมื่อสิ้นสุดโครงการจะสามารถสร้างเม็ดเงินในระบบสะพัดได้กว่า 7 หมื่นล้านบาท” นายธนกร กล่าว