สธ.เผยโควิดโลกผ่านจุดสูงสุดการแพร่ระบาดของโอไมครอนแล้ว ส่วนไทยค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่วันที่ 17 ม.ค. แจงตัวเลขป่วยโควิดเฉียดหมื่นอยู่ในการคาดการณ์ ปัจจัยเสี่ยงยังเป็นไปปาร์ตี้-สังสรรค์ ย้ำคนไทยคุมมาตรการเข้มและฉีดเข็ม 3-4
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2565 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงอัปเดตสถานการณ์โควิดว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,909 ราย แม้ว่าตัวเลขการติดเชื้อจะขยับสูงขึ้นมา ซึ่งเป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ไว้ และมีมาตรการรองรับอยู่แล้ว ขณะที่อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าที่เคยมีการคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้จำนวนผู้เสียชีวิต วันนี้พบ 22 ราย ส่วนจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบอยู่ที่ 516 ราย และใส่ท่อหายใจ 105 ราย ขณะนี้ค่อนข้างคงตัว อย่างไรก็ตามจากข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. จำนวน 9,267 ราย พบว่าเป็นไทย 8,897 ราย คิดเป็น 96% เมียนมา 90 ราย คิดเป็น 0.9% กัมพูชา 43 ราย คิดเป็น 0.5% อื่นๆ 237 ราย คิดเป็น 2.6%
อย่างไรก็ตามการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนของไทยเป็นผลพวงมาจากเทศกาลปีใหม่ที่มีการกินดื่มสังสรรค์กันมาก โดยกลุ่มที่พบการติดเชื้อสูงสุดเป็นวัยผู้ใหญ่อายุ 20-29 ปี จำนวน 21.5% รองลงมาเป็น 30-39 ปี จำนวน 18.7% และ 40-49 ปี จำนวน 14.2% ตัวเลขที่น่าสนใจ ที่หลายคนกังวลว่าโอไมครอนจะเกิดขึ้นกับเด็กอายุ 0-9 ปีนั้น เริ่มมีการติดเชื้อที่ 10.3%
ทั้งนี้หากพิจารณาค่าเฉลี่ยการติดเชื้อจากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.64 – 2 ก.พ. 2565 โดยนำค่าเฉลี่ยแต่ละวันมาคิดเป็นเฉลี่ยจะพบว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิดโลกได้ผ่านจุดสูงสุดของการระบาดระลอกโอไมครอนมาแล้ว คือวันที่ 28 ม.ค. 2565 ขณะที่เส้นยอดผู้เสียชีวิตไม่ได้พุ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบเท่ากับยอดการติดเชื้อแต่อย่างใด หรืออาจกล่าวได้ว่ามีการยกตัวขึ้นมาบ้าง แต่โอไมครอนไม่ได้รุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้
"จุดสูงสุดของการติดเชื้อระดับโลกได้ผ่านไปแล้ว โดยจุดสูงสุดอยู่วันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เสียชีวิตยกตัวบ้าง แต่ไม่ได้สูงมาก แสดงว่าไม่ได้รุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ แต่การติดเชื้อมากๆ ก็ทำให้จำนวนเสียชีวิตเพิ่มสูงบ้าง ขณะที่ประเทศไทยตัวเลขค่าเฉลี่ยติดเชื้อสูงสุดอยู่วันที่ 17 ม.ค. ซึ่งขณะนี้การติดเชื้อได้ชะลอตัวลง เป็นผลมาจากไทยมีมาตรการช่วยชะลอการติดเชื้อให้ลดลงได้เป็นอย่างดี" นพ.เฉวตสรร กล่าว
สำหรับฉากทัศน์คาดการณ์การระบาดโควิด แม้ช่วงแรกประเทศไทยจะขึ้นไปตามกราฟสีเทาหรือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดคือ ติดเชื้อ 30,000 ราย แต่ด้วยการเคร่งครัดมาตรการ VUCA ทำให้ยอดการติดเชื้อของไทยกลับมาอยู่ระดับต่ำกว่าเส้นสีเขียว หรือระดับต่ำสุด แม้วันนี้จะมียอดการติดเชื้อเฉียด 10,000 ราย แต่ถือว่ายังเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้แต่ต้น ไม่ได้สูงกว่าที่คาดการณ์แต่อย่างใด ขณะที่ฉากทัศน์คาดการณ์การเสียชีวิตจากโควิดนับว่าไทยทำได้ต่ำกว่าเส้นสีเขียวที่กำหนดไว้ ถือว่าเป็นผลมาจากความร่วมมือกันของประชาชน
ในปัจจุบันยอดการติดเชื้อในไทยเฉียด 10,000 ราย โดยยอดเสียชีวิตยังมาจากกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือรับวัคซีนมานานแล้ว จึงอยากขอเชิญชวนประชาชนเข้าฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ส่วนกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรังและผู้สูงวัยจะมีโปรแกรมฉีดเข็มที่ 4 ตามมา ส่วนมาตรการ Universal Prevention จะช่วยให้เราคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลงอยู่ในระดับที่คุมได้
ส่วนความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ขณะนี้ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง อย่างกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง มีเป้าหมาย 4,700,000 ราย ฉีดเข็มแรกไปแล้ว 4,900,000 ราย คิดเป็น 105.7% ส่วนผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี มีเป้าหมาย 12,700,000 ราย ฉีดเข็มแรกไปแล้ว 8,300,000 ราย คิดเป็น 66%