ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศข้อกำหนด ปรับพื้นที่สีแดงเข้ม คงมาตรการเคอร์ฟิว 5 ทุ่มถึง ตี 3 ถึงวันที่ 30 พ.ย. มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. พร้อมสั่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นหัวหน้าศูนย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2564 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 38) ประกาศ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2564 ระบุว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นระยะอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 พ.ย. 2564 นั้น
โดยที่รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวตามที่นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเจตนารมณ์และแนวทางไว้ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง เพื่อมุ่งฟื้นฟูความเป็นอยู่ ของประชาชนให้ใกล้เคียงกับภาวะปกติ การกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการบริหารจัดการ ด้านสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ภาพรวมของสถานการณ์การแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ในประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รัฐบาลจึงยังคงเน้นย้ำการปฏิบัติตามแผนงานดังกล่าว เพื่อเป็นการยืนยันถึงความพร้อมและบูรณาการประสานความร่วมมือของพนักงานเจ้าหน้าที่ หน่วยงาน ภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคส่วนอื่นๆ ของสังคม
รวมถึงการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปให้สอดคล้องกับระดับความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดและศักยภาพ ความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยฝ่ายสาธารณสุขได้ประเมินแล้วเห็นว่ายังมี ความจำเป็นต้องคงมาตรการที่เข้มงวดในบางเขตพื้นที่สถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรครุนแรง ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นไป ด้วยความมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ โดยมุ่งหมายให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และสังคมดำเนินไปควบคู่กับมาตรการด้านสาธารณสุขได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534
นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลายตามคำแนะนำของศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ดังต่อไปนี้
1) การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ ให้ ศบค. มีคำสั่งปรับปรุง เขตพื้นที่จังหวัดจำแนกตำมเขตพื้นที่สถานการณ์ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคำสั่ง เพื่อให้ สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ที่กำหนดไว้สำหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่างๆ ข้อห้ามและข้อปฏิบัติที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้ มาใช้บังคับ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้
สำหรับพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวจะเป็นไปตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคำสั่ง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ 18/2564 เรื่อง พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2564
2) การห้ามออกนอกเคหสถานสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามบุคคลใด ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 23.00 - 03.00 น. โดยใช้บังคับต่อเนื่องไปสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ทุกจังหวัดเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15 วัน จนถึงวันที่ 30 พ.ย. 2564 และให้การกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่และกรณีของบุคคลที่ได้รับยกเว้น ที่ได้ประกาศหรือได้อนุญาตไว้ก่อนหน้านี้ยังคงใช้บังคับต่อไป
3) การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรค ให้บรรดามาตรการ ควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น และข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่สถานการณ์ระดับต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการเตรียมความพร้อมตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 37) ลงวันที่ 30 ต.ค. 2564 ได้แก่
การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค กิจกรรมการรวมกลุ่มของบุคคลที่สามารถจัดได้ โดยไม่ต้องของอนุญาต การปฏิบัติงานนอกสถานที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ มาตรการควบคุม แบบบูรณาการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ มาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และการเตรียมความพร้อมของสถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคทั่วราชอาณาจักร รวมถึง บรรดามาตรการ หลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนดขึ้น ภายใต้ข้อกำหนดดังกล่าวยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป
อนึ่ง พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งสิ้น 6 จังหวัด ได้แก่ ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา
พื้นที่ควบคุมสูงสุดทั้งสิ้น 39 จังหวัด พื้นที่ควบคุม รวมทั้งสิ้น 23 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูง รวมทั้งสิ้น 5 จังหวัด
ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2564 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ราชกิจจาฯ ยังเผยแพร่ประกาศ คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 22/2564 เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม (ฉบับที่ 9) ลงวันที่ 12 พ.ย. 2564 โดยมีสาระสำคัญว่า
เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และการดำเนินการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ประกอบกับข้อ 4 (3) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 5/2563 เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 25 มี.ค.2563
นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จึงมีคำสั่งให้เพิ่มความต่อไปนี้ เป็น (11) ของข้อ 1. ของคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 6/2563 เรื่อง การจัดโครงสร้างศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ลงวันที่ 27 มี.ค. 2563
โดยให้มีศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา มีปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหัวหน้าศูนย์ รวมถึงให้หัวหน้าศูนย์และผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้ปฏิบัติงานในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
อ่านฉบับเต็ม:
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage