‘กสทช.’ ยกระดับมาตรการจัดการ SMS หลอกลวง สั่ง ‘ผู้ให้บริการเนื้อหา’ ต้องมีระบบยืนยันตัวตนลูกค้าที่ซื้อ SMS พร้อมแจ้งชื่อ ‘ผู้ส่งข้อความ’ ระบุหากพบปล่อยให้มี SMS หลอกลวงส่งถึงประชาชน โทษหนักสุดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต
.............................
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. ประชุมร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ผู้ประกอบการโทรคมนาคม (โอเปอเรเตอร์) 5 ค่าย และบริษัทผู้ให้บริการด้านเนื้อหา (SI) ที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. 9 ราย เพื่อยกระดับมาตรการในการจัดการปัญหา SMS หลอกลวงประชาชน การชักชวนเล่นพนันออนไลน์ และลามกอนาจาร ให้เข้มข้นขึ้น
สำหรับมาตรการจัดการปัญหา SMS หลอกลวงประชาชน การชักชวนเล่นพนันออนไลน์ และลามกอนาจาร นั้น สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดมาตรการเกี่ยวกับเนื้อหาของข้อความ และการกำหนดชื่อ Sender name จากต้นทางของการส่ง SMS ของผู้ให้บริการเนื้อหา ดังนี้
1.ผู้ให้บริการเนื้อหาต้องมีระบบยืนยันตัวตนของลูกค้าที่มาซื้อ SMS ที่ชัดเจน และตรวจสอบได้
2.ข้อความใน SMS และชื่อ Sender name (ชื่อของผู้ส่งข้อความ) โดยต้องไม่ให้ลูกค้ากำหนดเองได้โดยอิสระ แต่ต้องแจ้งผ่านผู้ให้บริการทราบก่อน
3.การกำหนด Sender name ต้องไม่มีลักษณะเป็นเลขหมายโทรศัพท์
4.หากชื่อ Sender name ตรงกับ หรือคล้ายกับ ชื่อบริษัท หน่วยงาน หรือเครื่องหมายการค้า ทางผู้ให้บริการสามารถขอเอกสารจากลูกค้าในการรับรอง หรือการได้รับความยินยอมให้ใช้ชื่อจากเจ้าของชื่อบริษัท หน่วยงาน หรือเครื่องหมายทางการค้านั้นๆ ได้
5.ข้อความไม่ควรมี link เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกต่อการกระทำผิด
นายไตรรัตน์ กล่าวต่อว่า ในกรณีที่พบ SMS ที่มีข้อความผิดกฎหมาย สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดให้ ผู้ให้บริการต้องส่งรายชื่อ Sender name ให้สำนักงาน กสทช. และหากตำรวจต้องการข้อมูลของผู้ส่งข้อความจาก Sender name ที่กระทำผิดกฎหมายดังกล่าว ให้ตำรวจประสานกับสำนักงาน กสทช. เพื่อขอข้อมูลผู้ให้บริการที่เป็นต้นทางการส่งข้อความดังกล่าว ก่อนออกหมายฯ เพื่อขอข้อมูลส่งข้อความ ไปยังผู้ให้บริการ
ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. จะแจ้งผู้ให้บริการทราบกรณีการขอหมายฯ จากตำรวจเพื่อให้ผู้ให้บริการเตรียมข้อมูล โดยเมื่อผู้ให้บริการได้รับหมายแล้ว จะต้องให้ข้อมูลแก่ตำรวจโดยไม่ชักช้า
ส่วนแนวปฏิบัติในการรวบรวมข้อมูล และการดำเนินการกรณีพบข้อความที่ผิดกฎหมายนั้น ในระหว่างที่รอหมายฯ จากตำรวจ สำนักงาน กสทช. และผู้ให้บริการจะดำเนินการระงับการส่ง SMS จาก Sender name นั้นโดยเร็ว และผู้ให้บริการต้องตักเตือนลูกค้าของตนให้ทราบถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายดังกล่าว ซึ่งหากยังมีพฤติกรรมเช่นเดิมอีกจะมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น
ในกรณีที่เป็นการส่งข้อความ (SMS) ข้ามโครงข่าย ให้ผู้ให้บริการปลายทางแจ้งผู้ให้บริการต้นทางที่ส่ง SMS รับทราบปัญหา โดยให้ผู้บริการต้นทางระงับการส่งภายใน 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ สำนักงาน กสทช. และผู้ประกอบการโทรคมนาคม จะต้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ได้แก่ 1.แนวทางการจัดทำ White List Sender 2.แนวที่ให้ผู้ส่งข้อความให้ความยินยอมที่จะให้ตรวจข้อความที่ส่ง กรณีมีผู้ร้องเรียน และ3.แนวทางการดำเนินการสำหรับข้อความที่เป็นการโฆษณา เพื่อให้การแก้ไขปัญหา SMS หลอกลวงสำเร็จได้
นายไตรรัตน์ ระบุว่า ในส่วนของมาตรการลงโทษนั้น สำนักงาน กสทช. จะออกคำสั่งทางปกครองกับผู้ให้บริการเนื้อหาที่ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหา SMS หลอกลวง ที่ยังปล่อยให้มี SMS หลอกลวงส่งไปยังประชาชน โดยจะมีคำสั่ง ตักเตือน ปรับ พักใบอนุญาต จนถึงเพิกถอนใบอนุญาต ตามข้อเท็จจริง
ขณะที่การดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ บช.สอท. ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและชำนาญในเรื่องดังกล่าว จะรับผิดชอบในการดำเนินการเอาผิดและดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ ส่วนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะใช้พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ในการดำเนินการกับมิจฉาชีพที่ทำการส่งข้อความ อีเมล หรือใช้วิธีการใดก็ตาม เพื่อหลอกลวงประชาชนผ่านทางออนไลน์
“สำนักงานฯ ยังคงขอให้ประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อข้อความจาก SMS โดยง่าย อย่ากรอก Username Password ที่ใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ กับธนาคารในลิงค์ที่ส่งมากับ SMS หรืออย่าให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน ไปกับคนที่โทรมาสอบถามข้อมูลทางโทรศัพท์ง่ายๆ ควรตรวจสอบที่มาของ SMS หรือหน่วยงานที่โทรศัพท์เข้ามาให้แน่ใจก่อน เพื่อระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือมิจฉาชีพที่จะเอาข้อมูลส่วนตัวของเราไปใช้ทำธุรกรรม ขโมยเงินของเรา หรือนำไปก่อความเสียหายได้” นายไตรรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ หากประชาชนประสบปัญหา หรือต้องการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ SMS และโทรศัพท์หลอกลวง สามารถแจ้งมายัง Call Center สำนักงาน กสทช. หมายเลขโทรศัพท์ 1200 (โทรฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย) หรือแจ้งไปยัง Call Center ของค่ายมือถือที่ท่านใช้บริการอยู่ หรือหมายเลขโทรศัพท์ที่แต่ละค่ายมีไว้เพื่อรับข้อมูลเรื่อง SMS และโทรศัพท์หลอกลวงโดยเฉพาะ
อ่านประกอบ :
ร้องเรียนวันละ 100 ราย! ผู้บริโภคยังพบปัญหา SMS ก่อกวน-มพบ.จี้‘กสทช.’ลงโทษค่ายมือถือ
AIS โดนร้องเรียนมากสุด! ผู้บริโภคกว่า 1 พันราย ยังได้รับ SMS หลอกลวง-โทรศัพท์รบกวน
'กสทช.' พบ 'มิจฉาชีพ' อาละวาด โทรตรงหา 'ปชช.' หลอกลวงขอข้อมูล-หลังถูกบล็อก SMS
‘กสทช.’ สั่ง ‘โอเปอเรเตอร์’ บล็อก ‘SMS หลอกลวง-เว็บพนัน-สินเชื่อออนไลน์’ เริ่ม 23 ก.ย.
จี้เอาผิดค่ายมือถือ ปล่อย‘เว็บพนัน-สินเชื่อออนไลน์’ ส่ง SMS หลอกลวง-โทรก่อกวนผู้บริโภค
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage