‘สามารถ’ เสนอ 3 ทางเลือก แนวทางแก้ปัญหาสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสีเขียว หวังรัฐบาลเร่งตัดสินใจแก้ปัญหา หลังคาราคาซังมานาน
...........................
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ‘ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์-Dr.Samart Ratchapolsitte’ โดยเสนอ 3 ทางเลือกในการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวให้รัฐบาลพิจารณา หลังจากกระทรวงมหาดไทยถอนวาระการพิจารณาต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากการพิจารณาของที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากกระทรวงคมนาคมทักท้วง
สำหรับเนื้อหาที่ นายสามารถ โพสต์ มีดังนี้
“3 ทางเลือก !!! แก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว
การแก้ปัญหาหนี้สินที่ กทม. ค้างจ่ายในการก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว รวมทั้งค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายยังคงหาข้อยุติไม่ได้ ถึงวันนี้ กทม. มีหนี้อยู่ประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท หนี้ก้อนใหญ่นี้จะพอกพูนขึ้นทุกวัน เมื่อ กทม. ไม่มีเงินมาใช้หนี้ แล้วรัฐบาลจะทำอย่างไร?
รัฐบาลมี 3 ทางเลือก
ทางเลือกที่ 1: เปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานใหม่ในปี 2572
ทางเลือกนี้จะต้องรอจนกว่าสัญญาสัมปทานระหว่าง กทม. กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS สิ้นสุดลงในปี 2572 สัญญานี้ให้ BTS ลงทุนก่อสร้างและเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักเองทั้งหมด 100% ตั้งแต่ปี 2542-2572 รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักประกอบด้วยช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน
การเปิดประมูลใหม่จะต้องให้ผู้รับสัมปทานรับผิดชอบการเดินรถและบำรุงรักษาทั้งส่วนหลักและส่วนขยาย ซึ่งส่วนขยายประกอบด้วยช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า ช่วงอ่อนนุช-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-คูคต แต่จะเปิดประมูลใหม่ได้นั้น รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาเหล่านี้
1.รัฐบาลจะต้องชำระหนี้ให้ BTS ถึงวันนี้เป็นเงินประมาณ 37,000 ล้านบาท เป็นค่าเงินต้นและดอกเบี้ยงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และหนี้ค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายค้างจ่าย อีกทั้ง จะต้องเตรียมเงินไว้เป็นค่าจ้างเดินรถตั้งแต่เวลานี้จนถึงปี 2572 รวมทั้งค่าดอกเบี้ยงานโยธาถึงปี 2572 และค่าชดเชยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) อีกประมาณ 93,000 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 130,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากค่าโดยสารของส่วนต่อขยายมีไม่พอ เพราะขาดทุน
2.รัฐบาลต้องแก้ปัญหาข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่าง กทม. กับ BTS กล่าวคือ กทม. ได้ทำสัญญาจ้างให้ BTS เดินรถและบำรุงรักษาทั้งส่วนหลักและส่วนขยายจนถึงปี 2585 ด้วยเหตุนี้ การเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานใหม่ในปี 2572 ก่อนสิ้นสุดสัญญาจ้างในปี 2585 อาจทำให้ BTS ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก กทม. ได้
ทางเลือกที่ 2 : เปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานใหม่ในปี 2585
ทางเลือกนี้จะไม่เกิดข้อพิพาทระหว่าง กทม. กับ BTS เนื่องจากต้องรอจนกว่าสัญญาจ้างให้ BTS เดินรถสิ้นสุดลงในปี 2585 จึงจะเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานใหม่ แต่รัฐบาลจะต้องชำระหนี้ให้ BTS ถึงวันนี้เป็นเงินประมาณ 37,000 ล้านบาท อีกทั้ง จะต้องเตรียมเงินไว้เป็นค่าจ้างเดินรถตั้งแต่เวลานี้จนถึงปี 2585 รวมทั้งค่าเงินต้นและค่าดอกเบี้ยงานโยธาถึงปี 2585 และค่าชดเชยกองทุนรวม BTSGIF อีกกว่า 350,000 ล้านบาท
ทางเลือกที่ 3: ขยายสัมปทานให้ BTS 30 ปี
มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ประกอบด้วยข้าราชการระดับสูงจากหลายหน่วยงานและผู้ทรงคุณวุฒิรวมทั้งหมด 10 ท่าน เพื่อพิจารณานำรายได้จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาบริหารจัดการภาระหนี้สิน ค่าจ้างเดินรถ ค่าเงินต้นและค่าดอกเบี้ยงานโยธา และค่าชดเชยกองทุนรวม BTSGIF รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งผลตอบแทนให้ กทม. ในที่สุด คณะกรรมการฯ ได้มีมติให้ขยายสัมปทานให้ BTS เป็นเวลา 30 ปี ตั้งแต่ปี 2572-2602
โดยมีเงื่อนไขดังนี้
1.BTS จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบภาระหนี้ทั้งหมดของ กทม.
หนี้ในปัจจุบันประมาณ 37,000 ล้านบาท รวมทั้งค่าจ้างเดินรถตั้งแต่เวลานี้จนถึงปี 2572 ค่าดอกเบี้ยงานโยธาถึงปี 2572 และค่าชดเชยกองทุนรวม BTSGIF อีกประมาณ 93,000 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 130,000 ล้านบาท BTS จะต้องเป็นผู้รับภาระเองทั้งหมด
2.BTS จะต้องแบ่งรายได้ให้ กทม. กว่า 2 แสนล้านบาท
BTS จะต้องแบ่งรายได้ตั้งแต่ปี 2572-2602 ให้ กทม. เป็นเงินกว่า 2 แสนล้านบาท และหาก BTS ได้ผลตอบแทนการลงทุนเกิน 9.6% จะต้องแบ่งรายได้ให้ กทม. เพิ่มเติมอีกตามอัตราที่กำหนดในสัญญา
3.ค่าโดยสารสูงสุดจะต้องไม่เกิน 65 บาท
BTS จะเก็บค่าโดยสารสูงสุดได้ไม่เกิน 65 บาท ซึ่งอัตราค่าโดยสารนี้เมื่อคิดเป็นค่าโดยสารต่อกิโลเมตรพบว่าถูกกว่าค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งรัฐลงทุนก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ (ประมาณ 80%) และถูกกว่าค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งรัฐลงทุนเองทั้งหมด 100%
สรุป
มีข้อมูลชัดๆ อย่างนี้แล้ว คงช่วยให้ ครม. พิจารณาตัดสินใจแก้ปัญหาการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่คาราคาซังมานานแล้วได้นะครับ”
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage