ธปท.แจงกรณีลูกค้าธนาคารที่ถูก ‘ตัดเงินผิดปกติ’ แต่ยังไม่ได้รับเงินคืน เหตุเป็นเคสที่เกิดหลังวันที่ 17 ต.ค. พร้อมยืนยันผู้เสียหายจะได้รับเงินคืนภายใน 5 วัน หลังตรวจสอบพบ
............................
เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่คำถามและคำตอบเพิ่มเติม กรณีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ซึ่งพบว่ายังลูกค้าธนาคารบางรายยังไม่ได้เงินคืน หลังจากธปท.และสมาคมธนาคารไทยแถลงว่า คืนเงินให้ลูกค้าครบทุกรายแล้วตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ธปท.ยังชี้แจงกรณีที่มีการตัดเงินที่ผิดปกติในเคสใหม่ๆ แม้ว่า ธปท และสมาคมธนาคารไทยออกมาชี้แจงว่า ได้แก้ปัญหาและยกระดับการป้องกัน ดังนี้
1.การคืนเงินเป็นกรณีไหนบ้าง และคืนอย่างไร
ตอบ : การคืนเงิน เป็นกรณีบัตรที่มีการใช้งานผิดปกติ โดยการสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศที่ไม่มีระบบให้ทำการยืนยันก่อนทำรายการ เช่น การใช้ One Time Password (OTP) ซึ่งเกิดขึ้นระหว่าง 1 – 17 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา จำนวนรวม 10,700 ใบ ประกอบด้วย
-บัตรเดบิตจำนวน 4,800 ใบ จำนวนเงิน 30 ล้านบาท ธนาคารได้ดำเนินการคืนเงินเข้าบัญชีของลูกค้าหมดแล้ว
-บัตรเครดิต 5,900 ใบ จำนวน 100 ล้านบาท ได้ดำเนินการตั้งพักยอด และจะดำเนินการยกเลิกรายการ โดยลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติและไม่มีการคิดดอกเบี้ย
ส่วนการคืนหลังวันที่ 17 กรณีที่มีธุรกรรมผิดปกติทำรายการผ่านบัตรเดบิตออนไลน์โดยร้านค้าที่ไม่มีการยืนยันการทำรายการ เช่น การใช้ OTP เมื่อธนาคารตรวจสอบแล้วว่าลูกค้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำรายการ ธนาคารจะพิจารณาทำการคืนเงินภายใน 5 วันทำการเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีธุรกรรมผิดปกติรูปแบบอื่นๆ ธนาคารจะเร่งประสานกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเดบิต (Card Scheme) และร้านค้าปลายทางโดยเร็ว
2.ทำไมยังมีคนบอกว่ายังไม่ได้รับเงินคืน
ตอบ : หากเป็นธุรกรรมผิดปกติที่มีลักษณะที่เข้าข่ายกรณีสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศ ที่ไม่มีการใช้ OTP ในช่วงวันที่ 1-17 ตค ลูกค้าบัตรเดบิตต้องได้รับเงินคืนเข้าบัญชีแล้วก่อนวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา หากยังไม่ได้รับเงินคืน อาจเป็นกรณีที่เกิดภายหลัง 17 ต.ค. ซึ่งธนาคารจะดำเนินการคืนเงินภายใน 5 วัน หลังจากวันที่ตรวจสอบพบ
นอกเหนือจากกรณีข้างต้น ยังมีธุรกรรมทุจริตอีกหลายรูปแบบ ซึ่งประเภทของความเสียหายอาจต่างกรณีกัน ธนาคารจึงจำเป็นต้องพิจารณารูปแบบและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก่อนดำเนินการคืนเงิน
หากมีข้อสงสัย ขอให้ลูกค้าติดต่อผ่านช่องทางบริการต่าง ๆ ของธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อความรวดเร็ว กรณีไม่ได้รับความสะดวกสามารถติดต่อศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. (โทร. 1213) เพื่อประสานส่งข้อมูลและหลักฐานให้กับธนาคารต่อไป
3.ที่ดำเนินการไป เลือกเฉพาะที่เกิดเรื่องช่วงเป็นข่าวใช่หรือไม่ แล้วที่เหลือจะทำอย่างไร ที่แจ้งว่า 5 วัน จะเป็นมาตรฐานตลอดไปไหม
ตอบ : เนื่องจากเป็นกรณีธุรกรรมที่ผิดปกติจำนวนมาก จึงมีมาตรการแก้ไขเร่งด่วนเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ทั้งนี้ เนื่องจากการทุจริตมีหลายรูปแบบ มีความซับซ้อนแตกต่างกัน ธปท. และสมาคมธนาคารไทยจะมีการปรับปรุงการดำเนินการให้เรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นมาตรฐานทั้งระบบ โดยจะคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ
4.ทำไมยังเกิดเคสใหม่ๆ ทั้งที่ ธปท และสมาคมธนาคารไทยออกมาชี้แจงว่าได้แก้ปัญหาและยกระดับการป้องกัน
ตอบ : การทำธุรกรรมออนไลน์ของธนาคารมีความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี การทุจริตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ที่ผ่านมามีจำนวนไม่มาก จากข้อมูลล่าสุด อัตราการทำธุรกรรมทุจริตผ่านบัตรชำระเงิน (เดบิต/เครดิต) ของไทยอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค และหากมีการทุจริตที่ลูกค้าไม่เกี่ยวข้อง ธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ทั้งนี้ ธนาคารจะร่วมมือกับ ธปท. และผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรในการยกระดับการป้องกัน ในเรื่องการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ ป้องกัน และดูแลรับผิดชอบความเสียหายอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงเพิ่มเติม ประชาชนผู้ใช้บริการควรเฝ้าระวังและหมั่นตรวจสอบธุรกรรมของตนเองหรือทำการปรับวงเงินที่ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคารด้วย
นอกจากนี้ ธปท.แจ้งเตือนประชาชนให้รู้เท่าเท่าทัน และป้องกัน 'BIN Attack' โดยขอให้ระมัดระวังการใช้บัตรเดบิตและบัตรเครดิตรั่วไหล หรือการถูกล้วงข้อมูล เช่น การถูกแอบจดข้อมูลโดยไม่รู้ตัว หรือหลอกถามข้อมูลส่วนตัวผ่านทางโทรศัพท์ SMS หรือ E-mail รวมถึงให้ระมัดระวังการใช้งานแพลตฟาร์มต่างๆ เช่น เกมออนไลน์ และแพลตฟอร์มขายสินค้า เป็นต้น
อ่านประกอบ :
คืนเงินครบแล้ว!‘ธปท.-สมาคมธนาคารฯ’ ผลักดันใช้ OTP ก่อนตัดเงินซื้อสินค้าออนไลน์ในตปท.
‘บช.สอท.’ส่งหลักฐานร้องทุกข์กรณีถูก‘ดูดเงิน’ จากบัญชี ให้ ‘แบงก์’ เร่งคืนเงินลูกค้า
ใช้แค่'ข้อมูลหน้าบัตรฯ'สุ่มยิงล้วงเงินลูกค้า-‘ธปท.’สั่งยกระดับตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ
เสียหายพุ่ง 4 หมื่นราย! โดนหักเงินในบัญชีไม่รู้ตัว-‘ตร.ไซเบอร์’ชี้ช่องโหว่ล้วงข้อมูล
'ธปท.-สมาคมธนาคารฯ'ยันข้อมูลไม่รั่วจากแบงก์-เร่งคืนเงินลูกค้าโดนหักเงินในบัญชี-บัตรเครดิต
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage