ผอ.สารคามพิทยาคม เผยนักเรียนต้องออกจากระบบการศึกษา 20% เมื่อเรียนออนไลน์ แนะใช้บริการเว็บไซต์ Thailand Learning เป็นตัวช่วยเพื่อให้เรียนรู้-การศึกษาตลอดชีวิต
--------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2564 นายนิพนธ์ ยศดา ผู้อำนวยการโรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม ได้เปิดเผยว่า ตลอดระเวลา 2 ปีที่มีแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ได้ส่งผลกระทบกับเด็กนักเรียนในภาคอีสานหรือเด็กทั่วประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องการเรียนการสอนซึ่งได้เปลี่ยนมาเป็นในรูปแบบออนไลน์ ในฐานะผู้บริหารของโรงเรียนพบว่ามี 3 เรื่องหลักที่น่าสนใจ คือ
1. นักเรียนกับผู้ปกครอง พบว่ามีเด็กจำนวนประมาณ 20% ที่จะต้องออกจากระบบไป เพราะมีปัญหาไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เนต ไวไฟ รวมถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือสมาร์ทโฟนต่างๆ เมื่อได้สอบถามกับผู้ปกครองหลายรายก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีรายได้ ทำให้ไม่มีเงินไปเติมค่าเน็ต บางครอบครัวก็มีมือถือสมาร์ทโฟนใช้เพียงเครื่องเดียว จึงเป็นเรื่องลำบาก ซึ่งปัญหานี้ทางโรงเรียนได้พยายามหาทางแก้ไขโดยการจัดซื้อให้นักเรียน แต่ก็ติดขัดในเรื่องกฎระเบียบของทางกระทรวงศึกษาฯ รวมถึงการอนุญาตให้นักเรียนเข้ามาใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในโรงเรียน แต่ก็มีปัญหาในเรื่องความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงทำให้เด็กนักเรียนจำนวนดังกล่าวฯ ต้องออกไปจากระบบอย่างน่าเสียดาย
2. ครูและอาจารย์ผู้ฝึกสอน ขาดความรู้และทักษะการสอนผ่านอุปกรณ์ออนไลน์ จึงทำให้เป็นเรื่องยากเพราะไม่คุ้นเคย สุดท้ายจึงทำได้แค่สั่งให้เด็กทำการบ้านมาส่ง โดยไม่มีการอธิบายอย่างละเอียดและลึกซึ้ง
3. หน่วยงานต้นสังกัด หรือทางกระทรวงฯ คิดไม่ทันในเรื่องการบริหารจัดการ โดยเฉพาะในเรื่องกฎระเบียบการจัดซื้อพัสดุที่ต้องมีการเปลี่ยนแก้ไข เพื่อจะได้สามารถนำเงินมาซื้ออุปกรณ์ให้นักเรียนได้อย่างทันท่วงที
โดยในปัจจุบันทางโรงเรียนฯ ได้มีการส่งเสริมช่องทางการเรียนรู้ใหม่ คือแนะนำให้นักเรียนเข้าไปบริการที่เว็บไซต์ www.thailandlearning.org ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมแหล่งเรียนรู้ออนไลน์จากทั่วโลก ที่ทางมูลนิธิเชียประจำประเทศไทย ร่วมกับสถานทูตออสเตรเลีย ได้จัดทำและพัฒนาขึ้น สามารถใช้บริการได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่านักเรียนมีการตอบรับเป็นอย่างดี ทางคุณครูก็พอใจเพราะมีการแบ่งระดับ และสามารถนำมาใช้ประกอบในกิจกรรมการเรียนการสอนได้ โดยสิ่งที่อยากให้มีเพิ่มเติมก็คือเนื้อหาใน 5 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพราะเป็นวิชาหลักที่เด็กไทยต้องใช้สอบเข้าสู่ในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป
ด้าน นส.เบญญาภา ยะเคหัง (หญิง) อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4/16 โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม ได้กล่าวว่า ชอบเข้าไปดู www.thailandlearning.orgในหมวดเว็บไซต์ทัศนศึกษา อย่างล่าสุดก็ได้เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums) ประเทศอิตาลี เพราะเป็นสถานที่ซึ่งยังไม่เคยไป สามารถเข้าไปเลือกดูได้ตามใจชอบ เหมือนเดินอยู่ในสถานที่จริงๆ และมีข้อมูลให้ครบถ้วน ส่วนใหญ่จะใช้เวลาช่วงเช้าประมาณ 1.30 ชั่วโมง ตอนเย็นใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง เพราะช่วงนี้ติดสถานการณ์โควิดจึงไม่สามารถไปไหนได้ และเนื้อหาก็น่าสนใจมากค่ะ อยากเชิญชวนให้เพื่อนๆ เข้ามาใช้บริการ เพราะเป็นการเปิดโลกทัศน์ ได้ท่องเที่ยว และยังสามารถนำมาปรับใช้กับการเรียนที่โรงเรียนได้อีกด้วย
มาที่ นายศุภกฤษฎิ์ ทะสูง (ทิว) อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม บอกว่า ตนเป็นคนชอบวิชาวิทยาศาสตร์กับเลขคณิตมาก ดังนั้นส่วนใหญ่จะเข้าไปดูที่เว็บไซต์เกี่ยวกับการทดลองวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เพื่อดูผลงานเก่าๆ ที่เคยมีผู้ทำไว้ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูลหรือตัวอย่างสำหรับตัวเองในอนาคต โดยจะใช้เวลาเข้าไปดู www.thailandlearning.org วันละครึ่งชั่วโมง ช่วงตอนเย็นหลังทำการบ้าน นอกจากนี้ก็ยังมีเข้าไปดูในเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ต่อ และเล่นเกมฝึกสมองบ้างเล็กน้อย ในอนาคตผมมีความฝันอยากเป็นหมอ เพราะว่าการที่ได้ดูแลผู้ป่วย ก็เหมือนกับการที่ผมได้ทำสิ่งดีๆให้คนอื่นโดยที่ไม่หวังผลตอบแทน
โดยผู้สนใจที่ต้องการความต่อเนื่องด้านการศึกษา ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ นอกห้องเรียน และที่สำคัญคือเป็นตัวช่วยในการศึกษาได้ตลอดชีวิต สามารถคลิกไปใช้บริการที่ www.thailandlearning.org ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage