‘อนุทิน’ ย้ำเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส.โหวตแก้ รธน.วาระสาม ‘จุรินทร์’ ห่วงโหวตคว่ำ สร้างเงื่อนไขทางการเมือง กดดันองคาพยพโดยไม่จำเป็น ‘วราวุธ’ หนุนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบสานต่อ ‘บรรหาร’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงแนวทางการการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสามของพรรคในวันที่ 10 ก.ย.2564 ว่า เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. จุดยืนของพรรคภูมิใจไทย หากจะแก้รัฐธรรมนูญต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ใช่ประโยชน์ของพรรคการเมืองหรือนักการเมืองหลักมีอยู่แค่นี้
“ส.ส.พรรคภูมิใจไทยมีวุฒิภาวะที่จะตัดสินใจได้ว่าจะโหวตแบบไหน เพราะเรื่องรัฐธรรมนูญไปบังคับกันไม่ได้” นายอนุทินกล่าว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะโหวตคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหากย้อนไปในวาระ 1 และ 2 จะเห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลก็ให้ความเห็นชอบ รวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ให้ความเห็นชอบเกิน 20% เช่นเดียวกับ ส.ว. ที่ให้ความเห็นชอบเกิน 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง ฉะนั้น หากทุกอย่างเป็นไปตามนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 น่าจะผ่านไปได้ ยกเว้นจะมีเงื่อนไขอะไรเกิดขึ้นใหม่ที่ไม่สามารถจะคาดการณ์ได้
อย่างไรก็ตาม ประการที่หนึ่ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ที่เพิ่งผ่านวาระ 2 ไป ไม่ใช่การถอยหลังเข้าคลอง แต่เป็นการเดินกลับไปที่เดิมที่เป็นรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยน้อยกว่า จึงเป็นการเดินไปเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ประการที่สอง หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านก็จะเป็นการช่วยลดอุณหภูมิทางการเมืองด้วย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่จะนำมาสู่ข้อกล่าวหาว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไม่ได้เลยแม้แต่ประเด็นเดียว จะทำให้การเมืองย้อนกลับไปที่เดิม ที่จะกดดันองคาพยพต่างๆ โดยไม่จำเป็น ดังนั้น ถ้ามีช่องให้กาต้มน้ำเปิดบ้างจะทำให้เป็นผลดีกับทุกฝ่าย และจะเป็นผลดีต่อประชาธิปไตยระยะยาวด้วย
ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า วันที่ 8 ก.ย.2564 ช่วงเช้าจะมีการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อเตรียมความพร้อม แต่อย่างไรก็ตามการโหวตนั้นถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.และ ส.ว. ส่วนตัวการโหวตที่จะเปลี่ยนระบบมาเป็นบัตร 2 ใบนั้น จะสอดคล้องกับแนวทางที่รัฐธรรมนูญปี 40 ได้เริ่มมา ถือเป็นสิ่งที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มไว้ ส่วนตนเองจะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดและสานต่องานที่บิดาของตนได้ริเริ่ม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของส.ว.ที่ไม่เห็นด้วยกับบัตร 2 ใบ เราจะมีการพูดคุย ประเมินเรื่องดังกล่าวอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า ทั้งใบเดียวและ 2 ใบ ต่างก็มีข้อดีต่างกันไป เชื่อว่าทาง ส.ว.จะมองเห็นต่างมุมกันไป และในที่ประชุมของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลคงมีการประชุมแลกเปลี่ยนกันไปทั้งข้อดีข้อด้อย และคิดว่าแบบใดจะเหมาะกับสถานการณ์ในระบบของประเทศมากกว่ากัน เชื่อว่า ส.ว.น่าจะเห็นพ้องต้องกัน แต่อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภา
เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนาซึ่งเป็นพรรคขนาดกลางคิดว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากระบบนี้ นายวราวุธ ตอบว่า ถ้าเป็นประโยชน์คือเราไม่ต้องส่งผู้สมัครลงทุกเขต เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงที่ต่างจากระบบบัตรใบเดียว แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าจะใบเดียวหรือ 2 ใบก็มีทั้งข้อดีและข้อด้อย แต่ถ้าตามรัฐธรรมนูญปี 60 ขณะนี้ คะแนนทุกคะแนนสามารถนำมาใช้เป็นคะแนนของพรรคได้หมด ไม่มีคะแนนใดที่ตัดได้เลย ซึ่งถ้าใช้บัตร 2 ใบ การทำงานหาคะแนนในพื้นที่ก็คงมีความเข้มข้นมากขึ้น ก็จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้สมัครและพรรคการเมืองกันไป
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage