ศธ.เผยจัดแถลงปรับรูปแบบการเรียนวิชาประวัติศาสตร์วันที่ 8 ก.ย.นี้ นำเทคโนโลยีเข้าช่วย หวังนักเรียนสนใจ-ไม่เบื่อ พร้อมติวเข้มครูรับการสอนแนวใหม่ เตรียมนำร่องใน 349 โรงเรียน
---------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมหารือถึงการปรับการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ว่า ในวันที่ 8 ก.ย.นี้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะแถลงข่าวเรื่องการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ตนต้องการให้การเรียนวิชาดังกล่าวมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเรื่องดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพราะจากนี้ไปการเรียนวิชาประวัติศาสตร์จะไม่ใช่การเรียนเพื่อท่องจำ แต่ต้องการให้นักเรียนได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์แล้วคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
โดยการเดินหน้าปรับการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์นี้จะนำร่องในโรงเรียน 349 แห่งก่อน หลังจากนั้นจะดำเนินการให้คลอบคลุมในโรงเรียนทุกแห่งต่อไป สำหรับการปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนวิชาประวัติศาสตร์นั้น จะมีเนื้อหาการเรียนด้วยสื่อการสอนที่ทันสมัย มีการ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้นักเรียนเกิดความสนุก สามารถคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ และทำให้นักเรียนรู้สึกว่าการเรียนวิชานี้ไม่น่าเบื่อ เช่น การใช้เทคโนโลยีสร้างโลกเสมือนจริง หรือ AR เข้ามาใช้ เป็นต้นนอกจากนี้ จะมีการอบรมกระบวนการสอนวิชาประวัติศาสตร์รูปแบบใหม่ให้แก่ครูผู้สอนด้วย
น.ส.ตรีนุช กล่าวอีกว่า การเดินหน้าการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่อยากให้การเรียนการสอนวิชาดังกล่าวปรับเปลี่ยนจากการเรียนการสอนรูปแบบเดิมๆ เพราะวิชาประวัติศาสตร์ไม่ได้จำกัดการเรียนเฉพาะเรื่องสู้รบอย่างเดียว แต่เป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในท้องถิ่นและชุมชนของตัวเองได้ว่ามีความเป็นอย่างมาไร อีกทั้งที่ผ่านมาวิชาประวัติศาสตร์จะถูกสอนในวิชาสังคมศึกษา หมวดหน้าที่พลเมือง ดังนั้นการแยกวิชาประวัติศาสตร์ออกมาเป็นวิชาหนึ่งนั้นจะส่งผลให้การเรียนการสอนมีความน่าสนใจมากขึ้น
"อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ศธ.เราจะทำหลักสูตรข้อมูลของการเรียนประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องให้กับระบบการศึกษา และกระบวนการเรียนการสอนต้องมีความน่าสนใจ เพราะไม่อยากให้การเรียนประวัติศาสตร์เรียนไปเพื่อท่องจำและนำไปสอบเท่านั้น แต่อยากให้เด็กได้คิดวิเคราะห์เป็นระบบจากการเรียนวิชานี้ด้วย" น.ส.ตรีนุชกล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage