คลัสเตอร์เรือนจำติดเชื้อใหม่ 248 ราย รักษาหายเพิ่ม 663 ราย เสียชีวิต 5 ราย กรมราชทัณฑ์ยืนยันผู้ต้องขังต้องตรวจเชื้อ-กักตัวก่อนปล่อย ไม่มีรักษาตัวแบบ Home Isolation ด้าน รมว.ยุติธรรมกำชับรีบให้ยาฟ้าทะลายโจรนักโทษติดโควิด-กลุ่มเสี่ยง เตรียมสต็อกให้พร้อม มอบ รพ.ราชทัณฑ์ศึกษาการผลิต-ขอใบอนุญาต
----------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 248 ราย มาจากพบในเรือนจำสีแดง 234 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 14 ราย รักษาหายเพิ่ม 663 ราย เสียชีวิต 5 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 5,570 ราย แบ่งเป็น กลุ่มสีเขียว 87.8% สีเหลือง 11.7% และสีแดง 0.5% เป็นพื้นที่ กทม. 207 ราย ปริมณฑล 1,0 75 ราย และต่างจังหวัด 4,288 ราย
นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ พบเรือนจำแพร่ระบาดเพิ่ม 1 แห่ง คือ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ขณะที่มีเรือนจำพันการระบาดอีก 1 แห่ง คือ ทัณฑสถานหญิงกลาง ส่งผลให้เรือนจำแดงที่พบการระบาดคงที่ 36 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด จำนวน 106 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 47,890 ราย หรือ 88.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 54,236 ราย เสียชีวิตสะสม 89 ราย คิดเป็นอัตรา 0.16%ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
สำหรับผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด 2 ราย เรือนจำกลางชลบุรี เรือนจำกลางสมุทรปราการ และเรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี แห่งละ 1 ราย ซึ่งจากข้อมูลพบเป็นกลุ่มเปราะบางมีโรคประจำตัว และสูงอายุ แม้ว่าได้ดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิดเป็นที่เรียบร้อย
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณข์ ยังคงยึดแนวทางการปล่อยตัวผู้ต้องขังภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดอย่างเคร่งครัด โดยผู้พ้นโทษจะต้องถูกกักตัว 14 วัน และตรวจหาเชื้อเป็นระยะ รวมทั้งตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่พบเชื้อก่อนปล่อยทุกราย หากตรวจพบเชื้อจะดำเนินการส่งต่อการรักษาไปยังสถานพยาบาลภายนอก หรือศูนย์พักพิงบริเวณด้านนอกเรือนจำ จนกว่าจะรักษาหาย กรมราชทัณฑ์ขอเน้นย้ำว่า จะไม่มีผู้ต้องขังติดเชื้อหรือตรวจพบเชื้อถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำโดยไม่ผ่านระบบการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแม่ข่ายหรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ และไม่มีการปล่อยตัวผู้ต้องขังเพื่อทำการกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือมีผู้พ้นโทษที่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อก่อนปล่อยตัวโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์โควิดในเรือนจำ กล่าวว่า การรักษาและป้องกันผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดขอให้ทุกท่านเอาใจใส่ทุกอย่างจะจบ เพราะเรามีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว เราต้องให้ยาฟ้าทะลายโจรแก่ผู้ต้องขังทันทีหากมีความเสี่ยงหรือสงสัยว่าจะติดเชื้อ เพราะขณะนี้เรามียาฟ้าทะลายโจรอยู่ในสต็อกเพียงพอในการใช้ รวมถึงการเพาะปลูกในเรือนจำต่างๆ ที่รอการเก็บเกี่ยว วันนี้ต้องควบคุมให้ดีเราเหนื่อยกันมามากพอแล้ว และเราจะยังไม่มีการโยกย้ายตำแหน่งผู้บัญชาการเรีอนจำต่างๆ ในช่วงการปรับเปลี่ยนตำแหน่งอีก 1-2 เดือนนี้ จนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะเรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง การทำงานต้องสัมฤทธิ์ผลต้องทำให้ดีทั้งหมด หากโยกย้ายคนที่ทำงานเรียบร้อยไปในที่ไม่เรียบร้อยจะถือว่าไม่เป็นธรรม ส่วนเรื่องที่มีคนบอกว่าตนไม่อยากให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเยอะ ตรงนี้ไม่ใช่ว่าตนให้ปกปิดข้อมูล แต่ความต้องการคือไม่อยากให้คนติดเชื้อเยอะ ใครเสี่ยงเราต้องรีบให้ยาทันที
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนขอให้หน่วยงานแพทย์จัดทำคู่มือการใช้ยาและการรักษาให้อ่านแล้วเข้าใจง่าย สั้นกระชับ เพื่อให้เรือนจำต่างๆปฏิบัติได้โดยเร็ว นอกจากนี้ในส่วนของการผลิตยาฟ้าทะลายโจร ตนขออยากให้ทำในนามโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ขอให้ ผอ.ไปศึกษาวิธีการและขออนุญาตให้ถูกต้อง ส่วนการปลูกขณะนี้ได้รับรายงานว่า ปลูกทั้งหมด 207 ไร่ มียาฟ้าทะลายโจร รวมทุกเรือนจำ 8 ล้านกว่าแคปซูล ซึ่งตนได้รับรายงานจาก ป.ป.ส. ว่าจะใช้กองทุนแม่ของแผ่นดินหมู่บ้านละ 9,000 บาท ซึ่งช่วงสถานการณ์โควิดไม่ได้ใช้กองทุนนี้ดำเนินการ มาช่วยดำเนินการให้มีการปลูกฟ้าทะลายโจร 1,000 หมู่บ้าน ๆ ละ 1 ไร่ เพื่อเป็นการเสริมและเป็นการนำร่องให้หมู่บ้านต่างๆ โดยกรมราชทัณฑ์มีแม่พิมพ์และแคปซูล อาจจะช่วยบรรจุแล้วแบ่งให้ชาวบ้านใช้ด้วย
จากนั้นที่ประชุมได้วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยัง เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายเกษมศานต์ บุญญจินดา นิลวงศ์ ผบ.เรือนจำ เข้าร่วมประชุม โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนอยากให้เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ดศึกษารายกรณี (Case Study) เพราะขณะนี้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งตนคิดว่าในช่วงแรกที่เชื้อแพร่ระบาดยาฟ้าทะลายโจรอาจจะมีไม่เพียงพอ แต่ทุกอย่างถือว่าทำดีแล้วแต่ให้ยากับผู้ติดเชื้อช้าไป ซึ่งยาฟ้าทะลายโจรต้องรีบกินทันที ไม่เหมือนกับยาฟาวิฟิลาเวียร์ที่ต้องกินภายใน 3-5 วัน ดังนั้นหากใครมีอาการและสุ่มเสี่ยงจะติดเชื้อให้กินยาฟ้าทะลายโจรทันที และทางหมอ พยาบาลต้องสั่งการให้ชัดให้ง่ายต่อผู้ปฏิบัติ และหากเรือนจำไหนพบกลุ่มเสี่ยงแปลกๆให้รีบดำเนินการให้เร็ว
ด้าน นายเกษมศานต์ กล่าวว่า เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ดทำตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์ ส่วนข่าวลือที่ว่าเราปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ โควิดออกไปไม่เป็นความจริง ยังกักตัวไว้ที่สถานพยาบาลรักษาตัวรอให้หายก่อน และดำเนินการตามมาตรฐานสาธารณสุข เรื่องนี้เป็นเฟกนิวส์เราจะดำเนินการเอาผิดในเรื่องนี้ด้วย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage