ครม.เห็นชอบเปลี่ยนโฉมบ้านเอื้ออาทรที่ขายไม่ออก เป็นโครงการต้นแบบ 'บ้านเคหะสุขเกษม' ให้ผู้สูงวัยเช่าห้องในราคาถูก พร้อมอนุมัติงบ 407 ล้านบาท เปิดโครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนาทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม ดึงคนได้รับผลกระทบโควิด กลับถิ่นฐาน แก้ไขปัญหาการเกษตรของชุมชน
.....................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2564 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายมุ่งส่งเสริมและช่วยเหลือให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยในช่วงบั้นปลายชีวิต อีกทั้งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้การเคหะแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปดำเนินการพัฒนาทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของโครงการบ้านเอื้ออาทรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดภาระหนี้และเพิ่มรายได้ วันนี้ การเคหะแห่งชาติ จึงได้เสนอโครงการต้นแบบ 'บ้านเคหะสุขเกษม' โดยเป็นการปรับปรุงทรัพย์สินโครงการบ้านเอื้ออาทรบางส่วนมาดำเนินการให้เป็นห้องเช่าราคาถูกแก่ผู้สูงอายุ รายละเอียด มติ ครม. มีดังนี้
1.ปรับลดหน่วยโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดสมุทรปราการ (เทพารักษ์ 4) จำหน่วย 45 หน่วย
2.ให้ปรับปรุงพัฒนา 45 หน่วยดังกล่าว เป็นอาคารเช่าสำหรับผู้สูงอายุ ข้าราชการ และพนักงานของรัฐที่เกษียณอายุ เป็นโครงการต้นแบบชื่อ 'โครงการบ้านเคหะสุขเกษม'
3.เห็นชอบเพิ่มกรอบงบลงทุนประจำปีงบประมาณ 2564 ของการเคหะแห่งชาติ จำนวน 11 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงอาคารต้นแบบ 1 อาคาร
มากไปกว่านั้น ครม. ได้มีมติให้การเคหะแห่งชาติ เร่งรายงานผลการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2552 ที่ได้ปรับลดจำนวนหน่วย เหลือ 2.8 แสนหน่วย จากที่เคยได้รับการเห็นชอบจาก ครม.ช่วงปี 2546-2548 จำนวน 6 แสนกว่าหน่วย ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนที่ยังขายไม่ได้ 5,848 หน่วย อยู่ในพื้นที่โครงการบ้านเอื้ออาทร (เทพารักษ์ 4) จำนวน 223 หน่วย
ขณะเดียวกันให้รายงานผลการดำเนินการโครงการต้นแบบที่ริเริ่มขึ้นนี้ และเร่งจัดทำรายงานการวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการบ้านเคหะสุขเกษม ซึ่งในแผนจะเป็นอาคารสูง 5 ชั้น 4 อาคาร ทุกอาคารติดลิฟท์ แผนการดำเนินงาน 3 ปี (2564-2566) แบ่งเป็น 4 ระยะ รวม 4,089 หน่วย ขนาดพื้นที่ 33 ตารางเมตร และ 27 ตารางเมตร ต่อหน่วยที่พักอาศัย มีศูนย์ดูแลสุขภาพ พื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่จัดกิจกรรม คลีนิกอายุรกรรม ศูนย์สุขภาพ เป็นต้น โดยจะคิดอัตราค่าเช่า ประมาณ 2,500 - 3,000 บาท
น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า เมื่อการเคหะฯ เสนอรายงานต่อ ครม. ในโอกาสหน้า จะได้มีการพิจารณาเรื่องการนำทรัพย์สินโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ขายไม่ได้หรือสร้างไม่เสร็จมาปรับปรุงและพัฒนาเป็นบ้านเคหะสุขเกษมเพื่อผู้สูงอายุต่อไป ตามความเหมาะสมของพื้นที่และความต้องการของประชาชน
@ อนุมัติ 407 ล้าน เปิดโครงการส่งเสริมการพัฒนาทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น กรอบวงเงิน 407 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เสนอ
โดย อว.ระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้ประชาชนในภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วทุกภาคของประเทศ ซึ่งทางเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นจะดำเนินการรวบรวมกลุ่มสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด และต้องการกลับสู่ถิ่นฐานเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาการเกษตรของชุมชน มาเข้าสู่โครงการอบรมฯนี้ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นภาคเหนือ 9 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ภาคกลาง 21 จังหวัด ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ภาคตะวันตก 5 จังหวัด และภาคใต้ 14 จังหวัด รวม 2,574 กลุ่ม จำนวน 25,740 ราย
สำหรับโครงการอบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรมนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่ออบรมและส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์ ด้านประมง สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) พืชและเห็ดเศรษฐกิจ หมอดิน New Normal และพืชสมุนไพร รวมทั้งเพื่อรองรับแรงงานคืนถิ่น พลิกฟื้นทักษะอาชีพด้านการเกษตรด้วยศาสตร์พระราชา เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตโควิด เพื่อเป็นทางรอดและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชน และเพื่อสร้างต้นแบบศูนย์เรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้รวม 514.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ย 200,000 บาทต่อปีต่อครัวเรือนหรือต่อเครือข่าย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage