ผู้ต้องขังติดเชื้อใหม่ 73 ราย อยู่ระหว่างรักษา 1,862 คน หายป่วยเพิ่ม 4 ราย รวมหายป่วยแล้ว 94.2% ราชทัณฑ์เผยภาพรวมการระบาดยังดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.-นนทบุรี แจงมาตรการป้องกันเชื้อ เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ด้านกระทรวงยุติธรรมเตรียมตั้ง รพ.สนามนอกเรือนจำ รองรับผู้ต้องขังใหม่ติดเชื้อจากภายนอก
................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2564 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 73 ราย รวมมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 1,862 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่ม 4 ราย รวมหายสะสม 35,472 ราย ของผู้ติดเชื้อสะสม 37,649 ราย โดยวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงสถานะเรือนจำสีแดงที่พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น 1 แห่ง คือ เรือนจำอำเภอธัญบุรี ที่พบผู้ต้องขังติดเชื้อจากแดนใน ทำให้มีเรือนจำสีแดงรวม 13 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาดลดลงเป็น 120 แห่ง
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ได้ปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดอย่างเคร่งครัด ทั้งการป้องกันเชื้อจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ และการป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่ สำหรับผู้ต้องขังรับใหม่ ต้องทำการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อก่อนเข้าห้องกักโรค และจัดทำพื้นที่แยกกักรอผลเฉพาะ หากไม่พบเชื้อจะดำเนินการกักโรคเป็นเวลาอย่างน้อย 21 วัน และต้องตรวจหาเชื้อก่อนออกจากห้องกักอีก 1 รอบ แต่ถ้าตรวจพบเชื้อจะส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลสนามภายนอก พร้อมแยกกักผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงสูงทุกรายเพื่อตรวจหาเชื้อซ้ำ และเริ่มนับระยะการกักตัวใหม่ต่อไปอีก 21 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดเชื้อ
หากพบการติดเชื้อจากแดนใน ให้ประสานสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อสอบสวนและดำเนินการควบคุมโรคโดยเร็วที่สุด พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเรือนจำ คัดกรองผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มสีเขียว เหลือง และแดง เร่งการ X-ray ปอดผู้ติดเชื้อ แยกกักโรคผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง เพื่อตรวจหาเชื้อ จัดแบ่งพื้นที่เพื่อทำ Bubble and Seal ในผู้ต้องขังแต่ละกลุ่มให้แยกจากกัน ส่วนการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขังกลุ่มอื่นๆ นั้น จะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและแนวทางของสำนักงานสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่
ด้าน นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านการป้องกันเชื้อในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นอกจากจะได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อ และเน้นย้ำการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่กำหนดอย่างเคร่งครัดแล้ว ยังจัดแบ่งการปฏิบัติหน้าที่ออกเป็นชุด ซึ่งแต่ละชุดจะปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 วันติดต่อกัน และหมุนเวียนสลับกันตามจำนวนของบุคลากรในแต่ละแห่ง โดยระหว่างการพักเวร ห้ามออกนอกพื้นที่หรือเดินทางเข้าพื้นที่เสี่ยงโดยเด็ดขาด และขอความร่วมมืองดการมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นที่อาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ ซึ่งกรมราชทัณฑ์เชื่อมั่นว่าหากสามารถดำเนินการได้ครบถ้วน จะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อในเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม (ศบค.ยธ.) เปิดเผยภายหลังารประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์โควิดภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 39/2564 ว่าภาพรวมการระบาดของกรมราชทัณฑ์ ปัจจุบันมีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาด 120 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 13 แห่ง โดยมีเรือนจำอำเภอธัญบุรี และสถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี ที่พบระบาดเพิ่มจากการรายงานครั้งก่อน และในวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายยังมีต่อเนื่อง รวมหายสะสม 35,472 ราย หรือ 94.2% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด มีผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างรักษารวม 1,862 ราย เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 71.4% สีเหลือง 28.1% และสีแดง 0.5% ผู้เสียชีวิตสะสม 47 ราย หรือ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสม โดยพบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.และนนทบุรี ที่ถือว่าเกือบจะเป็นปกติแล้ว
ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ระหว่างรักษารวมอยู่ที่ 470 ราย มีเพียงเรือนจำพิเศษมีนบุรี ที่ยังอยู่ระหว่างการควบคุมโรคซึ่งพบการระบาดในบางแดนเท่านั้น เช่นเดียวกับเรือนจำและทัณฑสถานในเขตพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัด รวมถึงเรือนจำแพร่ระบาดใหม่ ที่ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเล็กน้อย ซึ่งสถานการณ์โดยรวมยังถือว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะทุกฝ่ายได้เตรียมแผนรองรับการแพร่ระบาด รวมถึงการเตรียมยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรเพื่อปฏิบัติงาน ภายใต้การประสานงานกับโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่อย่างเป็นระบบเรียบร้อยแล้ว
นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะประธานการประชุม ยังคงเน้นย้ำการเฝ้าระวัง ป้องกัน และรักษาผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างรอบคอบในทุกจุด โดยเฉพาะการเตรียมรับมือกับการระบาดภายนอกอย่างใกล้ชิด และเร่งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายนอกเรือนจำเพื่อรองรับผู้ต้องขังที่ติดเชื้อระหว่างการกักโรคในเรือนจำสีขาวที่ยังไม่พบการระบาด โดยเฉพาะในสภาวะที่การระบาดของเชื้อที่มากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่มีความเสี่ยงที่จะนำเชื้อเข้าสู่เรือนจำและทัณฑสถานที่มากขึ้น จนอาจจะทำให้โรงพยาบาลภายนอกไม่สามารถรองรับการรักษาได้ทั้งหมด
สถานการณ์การแพร่ระบาดของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนประจำวันที่ 12 ก.ค. 2564 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 1 ราย ปฏิบัติงานอยู่ ณ ชั้น 6 ของอาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ จากเดิมมีผู้ติดเชื้อเป็นเจ้าหน้าที่อยู่เเล้ว 4 ราย รวมผู้ติดเชื้อใหม่เป็นทั้งสิ้น 5 ราย โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการรักษาตัว พร้อมกันนี้กรมพินิจฯ ได้สั่งปิดที่ทำการทั้งชั้น 6 และ 7 บางส่วน เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณดังกล่าว ด้านผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงกรมได้ดำเนินการคัดแยก และทำการตรวจหาเชื้อเเล้ว จำนวนทั้งสิ้นกว่า 50 ราย เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เข้าตรวจหาเชื้อแล้ว และผลการตรวจจะออกในวันอังคารที่ 13 ก.ค. นี้
สำหรับผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว ลดเหลือ 38 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง หรือคิดเป็น 68% และอีก 18 แห่งนั้น อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 7 แห่ง หมดสถานะ 4 แห่ง และติดเชื้อ 7 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน รวมทั้งสิ้น 111 ราย หรือคิดเป็น 2.5% จากทั้งหมด 4,369 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,506 ราย หรือคิดเป็น 79.5% ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4,409 ราย ทั้งนี้กรมได้มีความเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่ดูแลเด็กและเยาวชนทุกคน เนื่องจากสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด มีความรุนแรงมากขึ้น และห่วงจะนำเชื้อไปสู่เด็กและเยาวชนในสถานที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวจำนวนหลายคน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติตนตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด พร้อมงดเว้นการเดินทางออกนอกพื้นที่ และให้ปฏิบัติงาน Work From Home เพิ่มขึ้นเป็น 85% เพื่อระงับและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดต่อไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage