"...สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง พบว่าฉีดวัคซีนไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงวัน จากนั้นในช่วงเฝ้าระวัง 30 นาที อาการปกติดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป 4-5 ชั่วโมง เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน พบความดันโลหิตต่ำ เคยมีประวัติเคยแพ้เพนิซิลลินมาก่อน แต่หลังจากได้รับยาฉีดอะดรีนาลีนแล้วอาการดีขึ้น ซึ่งรายนี้ถือว่า มีอาการไม่พึงประสงค์อย่างรุนแรง..."
...........................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิดในประเทศไทย หลังจากได้รับวัคซีนล็อตแรกยี่ห้อ 'ซิโนแวค' 2 แสนโดส โดยเริ่มดำเนินการฉีดมาตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.จนถึงปัจจุบัน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค รายงานว่า ณ วันที่ 3 มี.ค.2564 มีผู้รับวัคซีนโควิดแล้ว 7,262 ราย แบ่งเป็น บุคลากรการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 6,784 ราย และ เจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 365 ราย บุคคลที่มีโรคประจำตัว 22 ราย ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงจังหวัดสมุทรสาครและปทุมธานี 91 ราย
ทั้งนี้จากระบบรายงานการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลังได้รับวัคซีน มีผู้แพ้วัคซีน รวม 20 ราย แบ่งเป็นผู้ไม่มีอาการรุนแรง 19 ราย ได้แก่ พบอาการอักเสบบริเวณที่ฉีด 1 ราย มีอาการเหนื่อย 12 ราย ปวดเมื่อยเนื้อตัว 4 ราย และคลื่นไส้ 2 ราย
และพบผู้มีอาการรุนแรง 1 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์ เพศหญิง อายุ 28 ปี
"สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง พบว่าฉีดวัคซีนไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงวัน จากนั้นในช่วงเฝ้าระวัง 30 นาที อาการปกติดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป 4-5 ชั่วโมง เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่โรงพยาบาลตรวจพบความดันโลหิตต่ำ เคยมีประวัติเคยแพ้เพนิซิลลินมาก่อน แต่หลังจากได้รับยาฉีดอะดรีนาลีนแล้วอาการดีขึ้น ซึ่งรายนี้ถือว่า มีอาการไม่พึงประสงค์อย่างรุนแรง" นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวย้ำว่า กรณีพบผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงรุนแรง จะมีการรวบรวมข้อมูลและประวัติ มาให้คณะกรรมพิจารณา ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการกำลังพิจารณาอยู่ คาดว่าผลการประชุมจะออกมาภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ข้อแนะนำเบื้องต้น สำหรับสถานพยาบาลต่างๆ ขอให้ทำตาม 8 ขั้นตอนที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการเฝ้าระวังอาการ 30 นาทีถือว่าสำคัญมาก เนื่องจากส่วนใหญ่จะเกิดอาการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรงภายใน 15 นาที ส่วนอาการที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอาการที่ไม่รุนแรงแต่อย่างใด
สำหรับภาวะการแพ้ชนิดรุนแรง หรือ Anaphylaxis จะถูกวินิจฉัยเมื่อมีอาการ 1 ใน 3 ข้อ ดังนี้
1.อาการที่เกิดเฉียบพลันของระบบผิวหนัง หรือเยี่ยบุ หรือทั้งสองอย่าง เช่น มีลมพิษขึ้นทั่วตัว คัน ผื่นแดง มีอาการบวมของปาก ลิ้น เพดานอ่อน ทั้งนี้อาจมีอาการร่วมกับอาการดังต่อไปนี้
-อาการทางระบบทางเดินหายใจ อาทิ คัดจมูก น้ำมูกไหล เสียงแหบ หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงอื้อ-เสียงหวืด การทำงานของหลอดลมหรอืปอดลดลง ระดับออกซิเจนในหลอดเลือดลดลง
-ความดันโลหิตลดลง หรือการทำงานของระบบต่างๆ ล้มเหลว เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นลม อุจจาระ ปัสสาวะราด
2.มีอาการมากกว่าหรือเท่ากับ 2 ข้อ ต่อไปนี้ในผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีน
-มีอาการทางระบบผิวหนังหรือเยื่อบุ เช่น ผื่นลมพิษทั่วตัว คันผื่นแดง มีอาการบวมของปากลิ้น และเพดานอ่อน
-มีอาการของระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล เสียงแหบ หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงอื้อ-เสียงหวืด ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง
-ความดันโลหิตลดลง การทำงานของระบบต่างๆล้มเหลว เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นลม อุจจาระ ปัสสาวะราด
-มีอาการของระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
3.ความดันโลหิตลดลงหลังจากอาการหลังจากได้รับวัคซีน
อย่างไรก็ตาม นพ.โอภาส ให้ข้อมูลด้วยว่า หลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วขอให้พักแขนข้างที่ฉีดวัคซีนไว้ก่อน 4 ชั่วโมง จะทำให้มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้อาการแพ้วัคซีนที่ไม่รุนแรง อาจจะมีไข้ต่ำ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หรือปวดบริเวณที่ฉีด แต่หากมีอาการข้างเคียงรุนแรง อาจจะมีไข้สูง แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ปวดศีรษะรุนแรง ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีจุดเลือดออกจำนวนมาก ผื่นขึ้นทั้งตัว อาเจียนมากกว่า 5 ครั้ง ชัก หรือหมดสติ
@ อสม.ให้ความรู้ปชช.กว่า 3 แสนราย รองรับการฉีดวัคซีน
ด้าน นพ.ภานุวัตน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมให้ อสม.ลงพื้นที่เคาะประตู้บ้านให้ความรู้ประชาชนเรื่องวัคซีน พร้อมทั้งสำรวจคัดกรองกลุ่มเป้าหมาย แนะนำการใช้ Line Official Account ที่เรียกว่า 'หมอพร้อม' และติดตามอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 ของประชาชน
ซึ่ง อสม.ได้ดำเนินงานให้ความรู้เรื่องวัคซีนแล้ว จำนวน 323,328 ราย และมีกลุ่มเป้าหมายที่ลงทะเบียนผ่าน 'หมอพร้อม' 456,548 ราย ส่วนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน อสม.จะเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลนำไปลงระบบต่อไป
"บทบาทของ อสม.จะสำคัญมากสำหรับการติดตามอาการของประชาชน ซึ่งประชาชนบางส่วนอาจจะรายงานอาการในไลน์ หมอพร้อม แต่สำหรับผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน อสม.จะเป็นผู้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูล และรายงานเข้าสู่ระบบอีกที" นพ.ภานุวัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ นพ.ภานุวัตน์ กล่างถึงการกระจายวัคซีนสู่ อสม.ว่า ขณะนี้ได้รับวัคซีนแล้ว 117 ราย แบ่งเป็นสมุทรสาคร 16 ราย ปทุมธานี 50 ราย เชียงใหม่ 10 ราย สมุทรสงคราม 31 ราย และนนทบุรี 10 ราย ยังไม่พบผู้ใดได้รับผลข้างเคียง
@ ผู้ป่วยทางเดินหายใจ-ปอดอักเสบ พบติดเชื้อโควิดในอัตราต่ำ
นพ.โอภาส กล่าวว่า มีรายงานผลการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อโควิดในกลุ่มผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน (ARI) และปอดอักเสบในพื้นที่ 72 จังหวัด พบผู้ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนติดเชื้อโควิดค่อนข้างต่ำอยู่ที่ 8 ราย จาก 6,635 ราย คิดเป็น 0.4% อยู่ที่นครปฐม 4 ราย ปทุมธานี 3 ราย และสมุทรสงคราม 1 ราย ซึ่งจากการสอบสวนโรคพบว่ามีความเชื่อมโยงกับการผู้ติดเชื้อในตลาดต่างๆ ขณะที่มีผู้เป็นโรคปอดอักเสบ ติดเชื้อโควิด 1 ราย จาก 989 ราย คิดเป็น 0.3% อยู่ที่ปทุมธานี
"ภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศค่อนข้างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม การเฝ้าระวังจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างเข้มข้น เพราะฉะนั้นนอกจากการเฝ้าระวังในโรงพยาบาลแล้ว เราจะมีการเฝ้าระวังนอกสถานพยาบาลด้วย เช่น ที่เรือนจำ สถานพินิจ ศูนย์กักกัน ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงในชุมชน เช่น ตลาดสด สถานบริการผับบาร์ สถานที่ขนส่งต่างๆ และสถานที่ต่างๆที่เป็นจุดเสี่ยง จะมีการสุ่มตรวจ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าระบบเฝ้าระวังทั้งในโรงพยาบาลและชุมชน จะทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายแล้ว" นพ.โอภาส กล่าว
@ สธ.ร่วมกับกก.เตรียมทำ 'Hotel Luxury Quarantine' รองรับนักท่องเที่ยว
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า สถานกักกันของภาคเอกชนในปัจจุบัน ยังดำเนินการได้ดี และเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการควบคุมโรค ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เตรียมทำโรงแรมหรือรีสอร์ต (Hotel Luxury Quarantine) คล้ายศรีพันวา สำหรับผู้เข้ามพักที่ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิดในวันที่ 3 และ 5 ที่ไม่พบเชื้อให้สามารถทำกิจกรรมทางสุขภาพเสี่ยงต่ำได้ เช่น การออกกำลังกาย การนั่งสมาธิ หรือการทำอาหาร ซึ่งขณะนี้กำลังสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงานอยู่
"วิกฤตก็เป็นโอกาส กลุ่มธุรกิจโรงแรมหรือรีสอร์ตจะมีความเข้าใจในการป้องกันโรค และพร้อมที่จะดูแลตัวเองต่อไปในการดูแลนักท่องเที่ยว พร้อมที่จะพัฒนาต่อไป รับการท่องเที่ยววิถีใหม่ในอนาคต" นพ.ธเรศ กล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage