ไขเบื้องหลัง! ทรัพย์สิน ‘นาที-รมต.พิพัฒน์’ วูบลงกว่า 3.6 พันล้าน เหตุทำสัญญาจัดการหุ้นส่วน รมต. โอนให้ บลจ.ภัทรฯ ดำเนินการแทน 11 บริษัท ขอรับประโยชน์เกิน 5%
........................................
เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2563 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2 ราย รายแรกเป็นอดีตรัฐมนตรี 21 วัน ‘ปรีดี ดาวฉาย’ แจ้งกรณีเข้า-พ้นตำแหน่ง รมว.คลัง มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 221 ล้านบาทเศษ (อ่านประกอบ : เปิดเซฟ 221 ล.‘ปรีดี ดาวฉาย’ รมว.คลัง 21 วัน ‘นาที-พิพัฒน์’ทรัพย์สินวูบกว่า 3.6 พันล.)
อีกรายน่าสนใจไม่แพ้กันคือ ‘นาที รัชกิจประการ’ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ภริยานายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2563 ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำวินิจฉัยอุทธรณ์ขององค์คณะที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา กรณีนางนาที จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ เมื่อครั้งพ้น ส.ส.ปี 2556 โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนางนาที 1 ปี ตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี โดยโทษจำคุกให้รอลงโทษมีกำหนด 1 ปี (อ่านประกอบ : พ้น ส.ส.! องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ยันคุก 1 เดือน‘นาที’คดียื่นบัญชีเท็จ-รอลงโทษ 1 ปี)
นางนาที ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินกรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2563 ระบุว่า มีทรัพย์สิน 65,281,566 บาท มีหนี้สิน 1,140,589 บาท ส่วนนายพิพัฒน์ มีทรัพย์สิน 1,741,843,508 บาท มีหนี้สิน 113,760,114 บาท รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,807,125,074 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 114,900,703 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ค. 2563 นายพิพัฒน์ แจ้งบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวมคู่สมรสทั้งสิ้น 5,436,758,409 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 225,983,525 บาท
เท่ากับว่า นางนาที และนายพิพัฒน์ มีทรัพย์สินลดลง 3,629,633,335 บาท มีหนี้สินลดลง 111,082,822 บาท
คำถามคือทรัพย์สินเหล่านั้นไปไหน?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) มีคำตอบ ดังนี้
นางนาที และนายพิพัฒน์ แจ้งในเอกสารประกอบในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ระบุว่า มีหุ้นหลายบริษัทที่โอนไปให้กับบริษัทจัดการแล้ว ตามสัญญาจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรี ตาม พ.ร.บ.การจัดการหุ้นและหุ้นส่วนของรัฐมนตรี พ.ศ.2543
นางนาทีแจ้งมีเงินลงทุน 2 รายการ ได้แก่ กองทุนเปิดเค ซีเล็คท์ หุ้นทุน มูลค่า 139,312 บาท และ FLEXAR-กองทุนเปิด วรรณเฟล็กซิเบิลคืนกำไร มูลค่า 188,715 บาท
ขณะที่นายพิพัฒน์ แจ้งเงินลงทุน 18 รายการ ในจำนวนนี้มีที่ยังถือครองอยู่ 13 รายการ ได้แก่ 1.บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) 28,321,800 หุ้น มูลค่า 546,610,740 บาท 2.บริษัท อาม่ามารีน จำกัด 33 ล้านหุ้น มูลค่า 171.6 ล้านบาท (ระบุหมายเหตุว่า มีการโอนหุ้นบางส่วนไปให้บริษัทจัดการตามสัญญาจัดการหุ้นส่วนฯแล้ว) 3.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 2 ล้านหุ้นมูลค่า 35.4 ล้านบาท 4.บริษัท เอฟโวลูชั่นแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) 333 หุ้น มูลค่า 179 บาท 5.กองทุนเปิด แอสเซทพลัส โรโบติกส์ (ASP-ROBOT) 90,957.8774 หุ้น มูลค่า 1,400,796 บาท 6.บริษัท ซีเคไฟว์ เทรดดิ้ง จำกัด 4 หุ้น มูลค่า 40,000 บาท (ระบุหมายเหตุว่า มีการโอนหุ้นบางส่วนไปให้กับบริษัทจัดการตามสัญญาจัดการหุ้นส่วนฯแล้ว)
7.บริษัท จิตแก้ว จำกัด 400 หุ้น มูลค่า 40,000 บาท (ระบุหมายเหตุว่า มีการโอนหุ้นบางส่วนไปให้กับบริษัทจัดการตามสัญญาจัดการหุ้นส่วนฯแล้ว) 8.บริษัท เอซเซลเล่ โลจิสติก จำกัด 1,700 หุ้น มูลค่า 1.7 แสนบาท (ระบุหมายเหตุว่า มีการโอนหุ้นบางส่วนไปให้กับบริษัทจัดการตามสัญญาจัดการหุ้นส่วนฯแล้ว) 9.บริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด 6,542,610 หุ้น มูลค่า 632,016,126 บาท (ระบุหมายเหตุว่า มีการโอนหุ้นบางส่วนไปให้กับบริษัทจัดการตามสัญญาจัดการหุ้นส่วนฯแล้ว)
10.บริษัท รัชกิจ คอร์โปเรชั่น จำกัด 160,800 หุ้น มูลค่า 16,080,000 บาท (ระบุหมายเหตุว่า มีการโอนหุ้นบางส่วนไปให้กับบริษัทจัดการตามสัญญาจัดการหุ้นส่วนฯแล้ว) 11.ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 จำนวน 9 หุ้น (ระบุจำวันที่ได้มาไม่ได้) มูลค่า 6.75 บาท 12.บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) 99 หุ้น (ระบุจำวันที่ได้มาไม่ได้) มูลค่า 74.25 บาท และ 13.บริษัท โรงพยาบาลปิยะเวท จำกัด (มหาชน) 32,636 หุ้น (ระบุจำวันที่ได้มาไม่ได้) มูลค่า 32,636 บาท
สำหรับบริษัทที่นายพิพัฒน์ แจ้งในเงินลงทุน แต่มิได้ระบุมูลค่า โดยระบุว่า มีการโอนหุ้นทั้งหมดไปให้กับบริษัทจัดการแล้ว ตามสัญญาจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรี มี 5 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัท พี แอนด์ ซี ปิโตรเลียม จำกัด 2.บริษัท เคทีพี ปิโตรเลียม จำกัด 3.บริษัท เอ็น แอนด์ ซี มินิมาร์ท จำกัด 4.บริษัท พี แอนด์ ซี กรุ๊ป จำกัด 5.บริษัท อาร์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด
ขณะที่รายได้บางส่วน นายพิพัฒน์ แจ้งว่า มีรายได้จากเงินปันผลจากการถือครองหุ้นอยู่ในบริษัทต่าง ๆ 13,165,840 บาท เงินปันผลที่ได้รับโอนจากบริษัทจัดการสัญญาหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรี 9,417,000 บาท และรายได้จากการขายหุ้น 235,789,237 บาท ส่วนรายจ่ายบางส่วนมาจาก ค่าใช้จ่ายจากการซื้อหุ้น 40,553,265 บาท ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2563 สำนักงาน ป.ป.ช. เผยแพร่สัญญาจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรีระหว่างนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ กับบริษัทหลักทรัพย์กองทุน ภัทร จำกัด (มหาชน) โดยมีหุ้นจำนวน 11 บริษัท ได้แก่
1.บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) (AMA) จำนวน 15,000,000 หุ้น 2.บริษัท พี แอนด์ ซี ปิโตรเลียม จำกัด จำนวน 91,540 หุ้น 3.บริษัท เคทีพี ปิโตรเลียม จำกัด 27,468 หุ้น 4.บริษัท ซีเคไฟว์ เทรดดิ้ง จำกัด 21 หุ้น 5.บริษัท เอ็น แอนด์ ซี มินิมาร์ท 3,662 หุ้น 6.บริษัท พี แอนด์ ซี กรุ๊ป จำกัด 336,000 หุ้น 7.บริษัท จิตแก้ว จำกัด 2,400 หุ้น 8.บริษัท เอชเชลเล่ โลจิสติค จำกัด 9,500 หุ้น 9.บริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด 31,000,000 หุ้น 10.บริษัท รัชกิจ คอร์โปเรชั่น จำกัด 850,000 หุ้น 11.บริษัท อาร์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด 336,000 หุ้น
คิดค่าธรรมเนียมการจัดการหลักทรัพย์ โดยรัฐมนตรีตกลงเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระค่าธรรมเนียมการจัดการหลักทรัพย์ของรัฐมนตรีในอัตราร้อยละ 0.05 ต่อปี ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด หักด้วยมูลค่าหนี้สินทั้งหมด (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการจัดการหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียมในการดูแลหลักทรัพย์ของรัฐมนตรี) ณ วันที่คำนวณ โดยจะทำการคำนวณเป็นรายเดือนและเรียกเก็บเป็นรายเดือน
ทั้งนี้ในสัญญาระบุชัด ห้ามมิให้จัดการหลักทรัพย์ของรัฐมนตรี โดยการลงทุนเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท ที่รับสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ อันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน ไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อม รวมถึงกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ รวมถึงกิจการต้องห้ามอื่น ๆ ตามรัฐธรรมนูญ
อนึ่ง สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เคยรายงานแล้วว่า ก่อนหน้าที่นายพิพัฒน์รับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายพิพัฒน์ และตระกูลรัชกิจประการเป็นเจ้าของธุรกิจปั๊มน้ำมัน ‘พีที’ และธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งรายใหญ่ทางภาคใต้ โดยเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 10 แห่ง รวมทุนปัจจุบันประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ได้แก่
@บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 2 แห่ง ปั๊มน้ำมัน-ขนส่งสินค้าเหลว-เชื้อเพลิงทางเรือ รวมทุนปัจจุบันกว่า 1,928 ล้านบาท
1.บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เดิมก่อตั้งในชื่อบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด ตั้งแต่ปี 2531 ก่อนแปรสภาพเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2556 ทุนปัจจุบัน 1,670 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง ธุรกิจค้าปลีกแก๊ส LPG ภายใต้สถานีบริการน้ำมัน PT มีนายพิทักษ์ รัชกิจประการ หรือ ‘โกนั้ง’ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
มีบริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด ธุรกิจครอบครัว ‘รัชกิจประการ’ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 25.12% นายพิทักษ์ รัชกิจประการ 2.5% นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ 2.37%
2.บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เดิมชื่อบริษัท อาม่า มารีน จำกัด แปรสภาพเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2559 ทุนปัจจุบัน 258,958,386 บาท แจ้งประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลว และน้ำมันเชื้อเพลิง ทางรถในประเทศ และทางเรือระหว่างประเทศ มีนายพิศาล รัชกิจประการ เป็นกรรมการผู้จัดการ
มีบริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 25.12% บริษัท พีทีจี โลจิสติกส์ จำกัด ของคนสกุล ‘รัชกิจประการ’ ถือหุ้นรองลงมา 24% นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ 7.5% นายพิศาล รัชกิจประการ 2.59% และคนสกุลรัชกิจประการอีกหลายรายร่วมถือหุ้น
@เครือข่ายธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง-อสังหาริมทรัพย์ 8 แห่ง รวมทุนปัจจุบัน 1.3 หมื่นล้านบาท
หากนับเฉพาะบริษัทที่นายพิพัฒน์ เป็นกรรมการในปัจจุบันอย่างน้อย 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท ซีเคไฟว์ เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท พี แอนด์ ซี ปิโตรเลียม จำกัด บริษัท พี แอนด์ ซี กรุ๊ป จำกัด หากนับที่นายพิพัฒน์เข้าไปร่วมถือหุ้นอย่างน้อย 8 แห่ง ได้แก่ บริษัท ซีเคไฟว์ เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท เคทีพี ปิโตรเลียม จำกัด บริษัท พี แอนด์ ซี ปิโตรเลียม จำกัด บริษัท พี แอนด์ ซี กรุ๊ป จำกัด บริษัท รัชกิจ คอร์โปเรชั่น จำกัด บริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด บริษัท เอ็ม แอนด์ ซี มินิมาร์ท จำกัด และบริษัท จิตแก้ว จำกัด รวมทุนปัจจุบัน 13,687,200,450 บาท
หากไม่นับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีอีกอย่างน้อย 3 แห่งที่สร้างรายได้หลักพันล้านบาทขึ้นไปให้แก่ตระกูล ‘รัชกิจประการ’ ได้แก่
บริษัท ซีเคไฟว์ เทรดดิ้ง จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2543 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจขายส่งน้ำมันเชื้อเพลิง มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ นางฉัตรแก้ว คชเสนี และนางกชกรณ์ พิบูลธรรมศักดิ์ เป็นกรรมการ นางฉัตรแก้ว ถือหุ้นใหญ่ 28% ส่วนนายพิพัฒน์ ถือหุ้น 25%
เมื่อปี 2561 แจ้งรายได้รวม 3,140,162,376 บาท รายจ่ายรวม 3,130,641,104 บาท กำไรสุทธิ 3,622,669 บาท
บริษัท เคทีพี ปิโตรเลียม จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2539 ทุนปัจจุบัน 20 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจขายน้ำมันเชื้อเพลิง มีนางฉัตรแก้ว คชเสนี และนางกชกรณ์ พิบูลธรรมศักดิ์ เป็นกรรมการ บริษัท พี แอนด์ ซี ปิโตรเลียม จำกัด (ธุรกิจของสกุลรัชกิจประการ) ถือหุ้นใหญ่ 25% นายพิพัฒน์ ถือหุ้น 13.7%
เมื่อปี 2561 แจ้งรายได้รวม 3,101,189,243 บาท รายจ่ายรวม 3,086,834,837 บาท ค่าดอกเบี้ยจ่าย 17,016,936 บาท ขาดทุนสุทธิ 2,662,530 บาท
บริษัท พี แอนด์ ซี ปิโตรเลียม จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2536 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจขายส่งน้ำมันเชื้อเพลิง มีนางฉัตรแก้ว คชเสนี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ นางกชกรณ์ พิบูลธรรมศักดิ์ เป็นกรรมการ
เมื่อปี 2560 แจ้งรายได้รวม 2,738,977,413 บาท รายจ่ายรวม 2,737,324,891 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 9,706,840 บาท ขาดทุนสุทธิ 8,054,317 บาท
หากนับรวมรายได้เฉพาะธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 2 แห่ง และบริษัทจำกัด 3 แห่ง มีรายได้ประมาณ 118,888 ล้านบาท
(นางนาที (ซ้าย) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ (ขวา), ภาพจาก https://www.komchadluek.net/)
ส่วนบริษัท พี แอนด์ ซี กรุ๊ป จำกัด ธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2534 ทุนปัจจุบัน 300 ล้านบาท มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ นางฉัตรแก้ว คชเสนี นางกชกรณ์ พิบูลธรรมศักดิ์ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ น.ส.ภัคจิรา รัชกิจประการ เป็นกรรมการ
เมื่อปี 2560 แจ้งรายได้รวม 119,040,099 บาท รายจ่ายรวม 102,960,386 บาท ดอกเบี้ยจ่าย 16,737,423 บาท ขาดทุนสุทธิ 657,710 บาท
อีก 2 บริษัทโฮลดิ้งที่ลงทุน-ถือหุ้นใหญ่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท รัชกิจ โฮลดิ้ง จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2559 ทุนปัจจุบัน 12,952,200,450 บาท (ราว 1.29 หมื่นล้านบาท) มีนางฉัตรแก้ว คชเสนี นายชลัฐ รัชกิจประการ นางกชกรณ์ พิบูลธรรมศักดิ์ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ น.ส.ภัคจิรา รัชกิจประการ น.ส.ชนัญชิกา รัชกิจประการ เป็นกรรมการ เมื่อปี 2561 แจ้งรายได้รวม 73,147,320 บาท รายจ่ายรวม 3,070,086 บาท กำไรสุทธิ 68,060,406 บาท
อีกแห่งบริษัท รัชกิจ คอร์โปเรชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2559 ทุนปัจจุบัน 361 ล้านบาท มีนางฉัตรแก้ว คชเสนี น.ส.ภัคจิรา รัชกิจประการ และนางกชกรณ์ พิบูลธรรมศักดิ์ เป็นกรรมการ เมื่อปี 2561 แจ้งรายได้รวม 4,048,413 บาท รายจ่ายรวม 2,542,155 บาท ขาดทุนสุทธิ 634,905 บาท
อ่านประกอบ :
เผยโฉมสัญญา‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ’ โอนหุ้น 11 บ.ให้ บลจ.ภัทรฯจัดการ-ขอรับ ปย.เกิน 5%
เบื้องหลัง!'พิพัฒน์'รวยเพิ่ม-ถือหุ้น 2 ธุรกิจหลัก‘ปั๊มพีที-อาม่ามารีน’อีก 770 ล.
ป.ป.ช.โชว์ทรัพย์สิน รมต.บิ๊กตู่-แค่ 2 เดือน ‘รมต.พิพัฒน์-ส.ส.นาที’รวยเพิ่ม 762 ล.
รายได้แสนล.!ธุรกิจปั๊มน้ำมัน-อสังหาฯ ‘รัชกิจประการ’ 10 แห่งทุน 1.5 หมื่นล.ก่อนคั่ว รมต.?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/