รอยแยกเดิม ที่ขยายขึ้นมาอีกครั้งในครั้งนี้ และชัดเจนขึ้นระหว่างการเมืองตระกูล ‘โล่สถาพรพิพิธ’ กับตระกูล ‘วงศ์หนองเตย’ ไม่พ้นร้อนถึง ‘นายหัวชวน’ ต้องออกโรงมาไกล่เกลี่ย ก่อนจะบานปลายส่งผลกระทบต่อความเป็นเอกภาพในพื้นที่เมืองหลวงปักษ์ใต้ พื้นที่ ‘บ้านนายหัวแห่งประชาธิปัตย์’ เอง
-------------------------------------------------------------
นับถอยหลังศึกเลือกตั้งองค์การบริหารจังหวัดตรัง (อบจ.) กว่า 30 เขตเลือกตั้ง ภายหลังรัฐบาล ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ให้มีการเลือกตั้ง อบจ.ภายใน 60 วัน และหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เคาะจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ. และ นายก อบจ. กำหนดวันรับสมัครระหว่างวันที่ 2-6 พ.ย.2563 จากนั้นประกาศรายชื่อผู้สมัคร 13 พ.ย.2563 ตามมาด้วยประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้ง วันที่ 24 พ.ย.2563 และ วันที่ 20 ธ.ค.2563 เป็นวันเลือกตั้งนั้น ส่งผลให้บรรดาผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งตำแหน่ง ‘สมาชิกสภา อบจ.-นายก อบจ.’ เริ่มเคลื่อนไหวและคึกคัก
สำหรับสนามแข่งขันในพื้นที่จังหวัดตรัง ก็คึกคักเป็นพิเศษ หลังเป็นที่รับรู้กันมานานว่า อบจ.ตรังเป็นเขตยึดครองของตระกูล ‘หลีกภัย’ โดยมี ‘ครูกิจ หลีกภัย’ พี่ชาย ‘ชวน หลีกภัย’ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ตรังผูกขาดมาโดยตลอดนาน 4 สมัย กว่า 25 ปี แต่สุดท้ายครั้งนี้ ‘ครูกิจ’ ประกาศวางมือไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีก และ ส่งไม้ต่อให้ตระกูล ‘โล่สถาพรพิพิธ’ ตระกูลธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ รับ ‘ทีมกิจปวงชน’ เดิมเพื่อบริหารต่อไป
ครั้งนี้ ‘ครูกิจ’ ประกาศตัวชัดเจนแล้วว่า จะยุติบทบาทการเมืองท้องถิ่น เพื่อเปิดทางให้ตัวเลือกใหม่เข้ามาทำงาน เหมือนเป็นการรับรู้สัญญาณ ซึ่งกระแสที่รับรู้กันมานานนั่นหมายถึงการส่งต่อให้กับ ‘โกเล้ง-บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ’ นักธุรกิจรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง พี่ชายของ ‘โกหนอ-สมชาย โล่สถาพรพิพิธ’ อดีต ส.ส.ตรังเขต 3 หลายสมัยสังกัดประชาธิปัตย์ และเป็นลุงของ ‘ท่ามเฮง-สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ’ ส.ส.ตรังเขต 3 ประชาธิปัตย์
นั่นหมายถึงเครือการการเมืองตระกูล ‘โล่สถาพรพิพิธ’ ที่กำลังเติบโต ภายหลังภาพการเลือกตั้งใหญ่ ที่สร้างผลงานรักษาแชมป์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และมีความพร้อมในทุกมิติ ทั้งตัวบุคล กระแส กระสุน อีกทั้งบทบาทการทำงานของ ‘สุณัฐชา’ หลังเป็นส.ส.ก็เป็นเชิงรุกอย่างมีผลงาน
เป็นปรากฏการณ์ขณะที่ ‘ประชาธิปัตย์’ ถูกเจาะไข่แดง ส.ส.เขต1 ในพื้นที่เมืองซึ่งเดิมเป็นของ ‘น.พ.สุกิจ อัตโถปกรณ์’ โดยมีม้ามืดอย่าง ‘นิพันธ์ ศิริธร’ จาก ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ล้มแชมป์มาได้ หลังการต่อสู้อย่างดุเดือดซึ่งอำนวยการโดย ‘ทวี สุระบาล’ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ศิษย์เก่าประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตราย
การเลือกตั้ง อบจ.ตรังครั้งนี้ จึงเป็นเดิมพันสำคัญเมืองหลวงประชาธิปัตย์ ที่จะเสียไปอีกไม่ได้ และ ตระกูล ‘โล่สถาพรพิพิธ’ ถือว่ามีความพร้อมที่สุดในทุกด้าน ฝากผีฝากไข้ได้ เพราะ ‘บ้านใหญ่หลีกภัย’ บนถนนวิเศษกุล ประสบปัญหาขาดแคลนทายาททางการเมืองสายตรง
เวที อบจ.ตรัง จึงเป็นสนามแก้มือ และรักษาฐานเสียงของ ‘ประชาธิปัตย์ตรัง’ ไว้ให้ได้ ก่อนที่จะถึงเวทีท้องถิ่นอื่น ๆ ทั้งนายกฯเทศมนตรี และ นายกฯอบต.
(กิจ หลีกภัย และ บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ)
จึงเกิดปรากฏการณ์รวมพลกันที่ ‘บ้านโล่สถาพรพิพิธ’ อำเภอย่านตาขาว ของ ‘อดีตส.ส.สมชาย’ เพื่อเปิดตัว ‘ทีมกิจปวงชน’ ซึ่งนำขบวนใหม่โดย ‘โกเล้ง’ พร้อมส.จ.ทีมกิจปวงชนในสาย ‘ครูกิจ’ โดย ‘โกเล้ง’ ยกเรื่องการฟอร์มทีมให้กับ ‘อดีตส.ส.สมชาย’ นั่นหมายถึงลุยเต็มที่
ย้อนกลับไปผลเลือกตั้งอบจ.ตรังเมื่อปี 2555 ‘ทีมกิจปวงชน’ โดย ‘ครูกิจ’ พาลูกทีมเข้าสภาได้ 18 ที่นั่ง ขณะที่ทีมพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย ‘สาทิตย์ วงศ์หนองเตย’ ส.ส.ตรังเขต 2 พาลูกทีมเข้าสภาได้เพียง 1 ที่นั่งในเขตเลือกทั้งที่ 1 อำเภอห้วยยอด นอกนั้นเป็นของกลุ่มย่อยอย่าง ‘กลุ่มแม้น้ำตรัง’ และ ‘กลุ่มอิสระต่างๆ’
ภาพในครั้งนั้นได้สะท้อน ความสับสนในชายคาประชาธิปัตย์เอง ที่แบ่งเป็น 2 กลุ่มกลายๆ ระหว่าง ‘ทีมของบ้านใหญ่วิเศษกุล’ กับ ‘บ้านห้วยยอด’ ของ ‘ส.ส.สาทิตย์’ ซึ่งศึกครั้งนี้ภาพนั้นก็ยังคงอยู่กลายๆ เพราะหลัง ‘โกเล้ง’ เปิดตัว ‘ส.ส.สาทิตย์’ ก็ออกมาพูดกลายๆว่า อย่าเพิ่งสรุปไปในเรื่องทีมไหนเป็นตัวแทนของ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ ถือเป็นอีกภาพการช่วงชิงการถือครองระหว่าง ‘กระแสคน’ กับ ‘กระแสพรรค’
ทั้งหมดเป็นปัจจัยภายในจังหวัด ยังไม่นับปัจจัยสอดแทรกจากพรรคการเมืองหลัก ที่ประกาศชัดเจนสู้ศึกเลือกตั้งอบจ.ในทุกสนาม ทั้ง ‘พรรคเพื่อไทย’ ‘พรรคภูมิใจไทย’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ ที่ทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครแล้วหลายพื้นที่
โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวแบบเงียบๆแต่ไม่ออกตัวเพราะกลัวกฎหมายเลือกตั้งที่ห้ามพรรคการเมืองมายุ่งเกี่ยวกับเลือกตั้งท้องถิ่น อย่าง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ บรรดาหัวคะแนนการเมืองเริ่มเห็นหน้าค่าตาการเดินสายของ ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ รมช.เกษตรฯ รวมถึง ‘แรมโบ้อีสาน-สุภรณ์ อัตถาวงศ์’ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ป้วนเปี้ยนอยู่แถบพื้นที่ ตรัง-พัทลุง แล้ว โดยมี ‘ทวี’ และ ‘ส.ส.นิพันธ์’ ผนึกกำลังกันเดินสายพูดคุยเฟ้นหานักมวยดี 4-5 คน มาสู้ศึก ซุบซิบกันว่า มีชื่อ ‘เนติวิทย์ ขาวดี’ อดีตปลัดอาวุโสอำเภอหาดสำราญ อดีตผู้สมัครส.ส.เขต 3 ‘พรรคประชาชาติ’ และมีความแนบแน่นกับ ‘บังซุป-ศุภชัย ใจสมุทร’ ขุนพลพื้นที่ค่าย ‘ภูมิใจไทย’ อีกรายที่ว่ากันว่าไปเลียบๆเคียงๆมาคือ ‘ณัฐพงษ์ เนียมสม’ นายกเทศมนตรีตำบลนาตาล่วง ซึ่งหากทั้ง 2 พรรค ผนึกกำลังกันตัดแต้ม ‘ประชาธิปัตย์’ ในพื้นที่ ศึกอบจ.ตรังย่อมดุเดือด
อย่างไรก็ดี คอการเมืองท้องถิ่นเมืองตรัง ยังรอคอยผู้ประกาศตัวลงแข่งขันทีมอื่นนอกเหนือจากทีม ‘กิจปวงชน’ ซึ่งกุมบังเหียนโดยตระกูล ‘โล่สถาพรพิพิธ’ ที่เหมือนนอนมา เพราะที่ผ่านมา ตระกูล ‘โล่สถาพรพิพิธ’ มีความผูกพันและสัมพันธ์อย่างแนบแน่นไม่ว่าจะส่วนตัวและการเมืองกับตระกูล ‘หลีกภัย’ มายาวนาน ทั้งมีส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ ‘ครูกิจ’ ได้นั่งเก้าอี้นายกฯอบจ.ในการเลือกตั้งเมื่อสมัยแรก และนับวันตระกูล ‘โล่สถาพรพิพิธ’ มีบทบาทเป็นทั้งกำลังหลักและเป็นกำปั่นด้านการเงินในการสนับสนุนเลือกตั้ง ส.ส.ตรังมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ ‘อดีต ส.ส.สมชาย’ บุตรชายคนที่ 6 ของตระกูล ก้าวสู่สังเวียนการเมืองดำรงตำแหน่งส.ส.ตรัง หลายสมัย แต่มาประสบเหตุถูกเว้นวรรคทางการเมือง จากนั้นผลักดัน ให้บุตรสาว ‘สุณัฐชา’ สวมเสื้อประชาธิปัตย์ ได้เป็นส.ส.หญิงคนแรกของจังหวัด อีกทั้งพี่ชายคนที่ 2 ของตระกูล ‘โกบุ๊น-สมศักดิ์ โล่สถาพรพิพิธ’ ยังเคยดำรงตำแหน่งส.ว.ตรังมาก่อนด้วย จึงตอบคำถามได้ว่า ‘โล่สถาพรพิพิธ’ เป็นตระกูลนักการเมืองอีกครอบครัวหนึ่ง ที่กำลังเจริญเติบโตและถูกจับตามองในเขตพื้นที่ตรัง
จนมาขณะนี้ สนามท้องถิ่น อบจ.ตรัง บุตรชายคนที่ 4 ของตระกูล ‘โกเล้ง’ เปิดตัวรับไม้ต่อจาก ‘ครูกิจ’ แต่งหน้าปะแป้งเตรียมตัวเข้าสู่สนามแข่งขัน ในฐานะหัวหน้าทีม ‘กิจปวงชน’ สู้ศึกทั้ง 30 เขตเลือกตั้ง เป็นทีมแรกอย่างเป็นทางการ
(สมชาย โล่สถาพรพิพิธ)
‘บุ่นเล้ง’ เปิดเผยว่า ตนพร้อม 100% ส่วนผู้สมัครสังกัดทีมกิจปวงชนแต่ละเขตเลือกตั้งก็เกือบสมบูรณ์ โดยจะมีการคัดตัวผู้สมัครที่มีความซ้ำซ้อน และจะต้องหารือเพื่อรักษาน้ำใจกันไว้ ว่าอย่ามาแย่งชิงกัน สำหรับในพื้นที่ของ ส.ส.เขต 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต2 พรรคประชาธิปัตย์ เบื้องต้นได้มีการหารือกัน คิดว่าน่าจะไปด้วยกัน เพียงแต่ว่าตำแหน่งต่างๆจะได้มีการหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติ นอกจากนี้ในส่วนของตำแหน่งผู้บริหารอบจ.ที่มีอยู่ 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วย รองนายก อบจ. 2 ตำแหน่ง เลขานุการ 1 ตำแหน่ง ที่ปรึกษา 3 ตำแหน่ง แต่ขณะนี้มีผู้เสนอตัว 7-8 คน ดังนั้นจะต้องดูว่าใครมีความเหมาะสม ใครจะเสียสละบ้าง แต่คิดว่าสุดท้ายแล้วจะต้องไปกันได้ ตนเป็นคนยึดหลักสมานฉันท์ พูดจาเข้าใจกัน ทุกคนที่อาสาเข้ามาทุกคนก็หวังที่จะเข้ามาพัฒนาท้องถิ่น สร้างตรังให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ในเมื่อเรามีอุดมการณ์เดียวกันคงต้องทำงานได้เหมือนๆกัน
ขณะที่ ‘สมชาย โล่สถาพรพิพิธ’ อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้จัดการทีมกิจปวงชน กล่าวว่า ขณะที่การฟอร์มทีมยังไม่พร้อม 100% แต่ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ จะสมัครพร้อมกันทุกเขต รวมทั้งนายกอบจ.ในนามของทีมกิจปวงชน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเคลียร์ในแต่ละเขต สำหรับเขตที่มีผู้ที่มีความประสงค์ลงสมัครในนามทีมกิจปวงชนเกินกว่า 1 คนก็ต้องมีการพูดคุยกัน ในส่วนของพื้นที่ของนายสาทิตย์ ได้มีการพูดคุยกันว่ามีใครมาลงในนามทีมได้กี่คน แต่อาจจะได้ไม่หมด เนื่องจากมี ส.อบจ.เก่าในนามทีมกิจปวงชนอยู่ ถ้าเขตไหนไม่มีคนซ้ำกันก็ไม่เป็นปัญหา ดังนั้น ผู้สมัครสังกัดนายสาทิตย์ อาจจะได้ลงในนามทีมกิจปวงชนบ้างไม่ได้ลงบ้าง ก็ให้เป็นไปตามนั้น
“ส่วนเงื่อนไขที่จะมีการต่อรองตำแหน่งรองนายกอบจ.นั้น ยังไม่มีการพูดคุยกัน เพราะต้องรอให้เลือกนายก อบจ.ก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากัน ทั้งตำแหน่งเลขานุการ และที่ปรึกษา ส่วนผู้ที่ไม่ได้ลงในนามทีมกิจปวงชนก็อย่าน้อยใจ ทุกคนเป็นทีมงานกันทั้งนั้น ขณะนี้ผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นๆยังไม่เปิดตัว แต่หากจะเปิดตัวลงแข่งขันนั้น ทางทีมกิจปวงชนก็ประกาศสู้ เพราะมีความพร้อมมากๆ เรามีการประกาศตัวไปแล้ว 2 เดือน” นายสมชาย กล่าว
ขณะที่ ‘สาทิตย์ วงศ์หนองเตย’ ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โจทย์ใหญ่ของการเลือกตั้ง อบจ.ตรังครั้งนี้อยู่ที่นโยบายในการพัฒนาจังหวัด ต้องยอมรับว่าในช่วง 20ปี ในเชิงของการพัฒนาจังหวัดตรังซึ่งอบจ.ตรังมีบทบาทและสามารถทำได้ แต่ที่ผ่านมาเราพัฒนาไม่ทันกับจังหวัดข้างเคียง อย่างจังหวัดพัทลุงวันนี้เจอตัวเอง มุ่งการพัฒนาไปในด้าน Ecotourism มุ่งไปยังการขายความเป็นพัทลุง ขายธรรมชาติซึ่งประสบความสำเร็จมาก โดยที่ อบจ.จับมือกับหน่วยงานและมีความร่วมมือกันอย่างดี จังหวัดนครศรีธรรมราชหลังจากจตุคามรามเทพ ก็มีไอ้ไข่มาเสริม วันนี้ อบจ.นครศรีธรรมราชมีการพัฒนาจังหวัดและเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆมากมาย สำหรับจังหวัดกระบี่ไม่ต้องพูดถึง
“แต่ที่จังหวัดตรัง บทบาทของ อบจ.ตรัง 20 ปีที่ผ่านมา เน้นการดูแลเรื่องสุขภาพชีวิตคน แต่ละเลยในเรื่องของการหาจุดเด่นของจังหวัดรังมาเป็นจุดขายเพื่อให้มีการพัฒนาจังหวัดตรังสร้างรายได้ให้กับคนตรัง ผมคิดว่าคนที่จะมาสมัครเป็น นายกอบจ.ตรังคนใหม่ เรื่องใหญ่ที่สุดก็คือนโยบายในการพัฒนาจังวัด ที่ผ่านมา อบจ.ตรังมีเงินสะสมเหลือจ่ายกว่า 1 พันล้าน เงินจำนวนนี้ไม่ควรจะเป็นเงินที่ใครก็ตามที่เข้ามาบริหารจะเอามาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำด้วยการสร้างโน่นนิดนี่หน่อยไม่เป็นยุทธศาสตร์ ไม่มีเป้าหมาย จึงอยากเห็นคนสมัครนายก อบจ.ตรังที่มียุทธศาสตร์มีเป้าหมาย มีนโยบายที่จะยกระดับจังหวัด สามารถสร้างรายได้ที่เกิดจากการท่องเที่ยว และด้านอื่นๆที่อบจ.สามารถทำได้” นายสาทิตย์กล่าว
‘สาทิตย์’ บอกอีกว่า เท่าที่ดูขณะนี้มีการประกาศตัวสมัครนายก อบจ.ตรัง เพียงคนเดียว โดยที่ นายกิจ หลีกภัย นายก อบจ.ตรัง ประกาศวางมือส่งไม้ให้ นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ ซึ่งนายสมชายโดยส่วนตัวรู้จักกับตนเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ นายสมชาย พร้อมนางสาวสุณัฐชา บุตรสาว ได้มาหารือกับตน โดยมาชักชวนให้เข้าร่วมทำงานด้วยกัน ตนเองได้ให้ข้อคิดว่า นโยบายเป็นเรื่องสำคัญและบอกว่าถ้าจะทำงานร่วมกันจะใช้ชื่อทีมอะไรก็แล้วแต่ ให้ถือว่าเป็นการรวมทีมกัน ถ้าเป็นการรวมทีมกันการจัดสรรตำแหน่ง รองนายก ที่ปรึกษา จะต้องมีการกระจายพื้นที่ อาจจะนับตามเขตเลือกตั้ง เพราะตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ผู้สมัครจากเขตเลือกตั้งที่ 2 ไม่เคยได้รับตำแหน่งรองนายกอบจ.เลย ซึ่งเป็นเรื่องแปลกและ อดีต ส.อบจ.ตรัง เขตเลือกตั้งที่ 2 ภายใต้ทีมกิจปวงชนเดิม เมื่อมีการเลือกตั้งทุกครั้งก็ไม่ได้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เลย เพราะฉะนั้นเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงเสนอนายสมชายไปว่าควรพิจารณาผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เพราะถือว่าเป็นการรวมทีมกันแล้ว และมีการรับเงื่อนไขไปแล้ว เมื่อมีการรวมทีมแล้วจะมีการเปลี่ยนชื่อทีมหรือไม่นั้นจะต้องคุยกัน เพราะนายสมชาย เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างทีมกิจปวงชนด้วยยังชอบชื่อทีมเดิมอยู่
(สาธร วงศ์หนองเตย และ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย : ภาพสาธรจากผู้จัดการออนไลน์)
สัญญาณการสื่อสารในลักษณ์นี้ของทั้ง 2 ขั้ว สะท้อนภาพ ‘ศึกใน’ กันเองของ ‘ประชาธิปัตย์เมืองตรัง’ ที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังจากเมื่อราว 25 ปีก่อน เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสนามอบจ. ระหว่าง ขั้วการเมือง ‘บ้านห้วยยอด’ ของกลุ่ม ‘สาทิตย์’ กับ ขั้วของ ‘ทีมกิจปวงชน’ นำโดย ‘ครูกิจ’ ที่ตั้ง ‘ทีมกิจปวงชน’ ขึ้นมาสู้ศึก โดยส่งชิงชัยในเขตยึดครองของทีมเดิมในนามพรรคประชาธิปัตย์ที่มีอยู่แล้วคือ ‘ทีมศรีตรัง’ ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตส.ส.เก่าแก่รุ่นบุกเบิกเมืองตรังร่วมกับ ‘นายหัวชวน’ ที่ชื่อ ‘วิเชียร คันฉ่อง’
ล่าสุดในการเจรจาตกลงเพื่อเคลียร์เขตทับซ้อนระหว่างผู้สมัคร ‘ส.อบจ.ทีมกิจปวงชน’ ในสังกัดของตระกูล ‘โล่สถาพรพิพิธ’ กับทีมส.อบจ.ในสังกัด ‘บ้านห้วยยอด’ ของตระกูล ‘วงศ์หนองเตย’ สุดท้ายแล้วในเขตสำคัญนั้น ตกลงกันไม่ได้ เพราะ ‘สาทิตย์’ มีส.อบจ.ในสังกัดของตัวเอง ซึ่งเป็นพื้นที่เขต 2 ส.ส. เกือบ 10 คน ใน อ.รัษฎา , อ.ห้วยยอด อ.สิเกา และอ.กันตังบางส่วน
ขณะที่ ‘ทีมกิจปวงชน’ ยังยืนกรานจะส่งผู้สมัครในสังกัดทีมของตัวเองชนกัน รวมทั้งอีกฝ่ายที่เสนอตำแหน่งผู้บริหาร อบจ.ตรังโดยเฉพาะตำแหน่งรองนายกอบจ.ให้ขั้วของ ‘สาทิตย์’ โดยเสนอให้ ‘สาธร วงศ์หนองเตย’ ผู้ช่วย ส.ส.ซึ่งเป็นน้องชายของ 'สาทิตย์' ไปดำรงตำแหน่ง แต่ 'สาธร' ปฏิเสธขอไม่รับตำแหน่งดังกล่าว เพราะเห็นว่าควรจะให้ผู้สมัคร ส.อบจ.ทีม 'บ้านห้วยยอด' ได้ลงเพื่อรักษาทีมมากกว่า ทำให้ล่าสุด ‘สาธร’ ออกมาประกาศหลังได้รับไฟเขียวให้ตั้งอีกทีมสู้ศึก อบจ.ตรังในครั้งนี้ โดยใช้ชื่อทีม 'ตรังพัฒนาเมืองตรัง' โดยชู ‘สาธร’ ลงชิงชัยเป็นนายกฯ อบจ.ตรังเป็นอีกทางเลือก โดยจะเดินทางไปสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย.นี้
รอยแยกเดิม ที่ขยายขึ้นมาอีกครั้งในครั้งนี้ และชัดเจนขึ้นระหว่างการเมืองตระกูล ‘โล่สถาพรพิพิธ’ กับตระกูล ‘วงศ์หนองเตย’ ไม่พ้นร้อนถึง ‘นายหัวชวน’ ต้องออกโรงมาไกล่เกลี่ย ก่อนจะบานปลายส่งผลกระทบต่อความเป็นเอกภาพในพื้นที่เมืองหลวงปักษ์ใต้ พื้นที่ ‘บ้านนายหัวแห่งประชาธิปัตย์’ เอง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage