"...จากการออกมาตรการต่างๆเพื่อจะระงับและป้องกันการติดเชื้อในประเทศทั้งหมดแล้ว แต่กลับมีการติดเชื้อสะสมที่เมืองดานัง เป็นจำนวนอย่างน้อย 26 ราย ก็ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ในขณะนี้ต่างตั้งข้อสงสัยเป็นอย่างมากว่าแล้วการติดเชื้อที่เกิดขึ้นนั้นมีต้นตอมาจากอะไรกันแน่ และทั้งหมดก็จะต้องเร่งกันหาคำตอบแข่งกับเวลาว่าอะไรนั้นเป็นปัจจัยทำให้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศซึ่งสามารถปิดช่องทางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะกระจายวงไปมากกว่านี้ ..."
"ณ เวลานี้ทุกเมืองของเวียดนามกำลังประสบความเสี่ยงในเรื่องการมีกลุ่มผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 เป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวนหลายหมื่นคนกลับจากเมืองดานัง และมีรายงานผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 35 คนแล้ว"
คือ คำให้สัมภาษณ์ล่าสุด นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ ไวรัสโควิด 19 ในประเทศเวียดนาม
ภายหลังการตรวจสอบผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนหลายสิบคนในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งๆที่ ก่อนหน้านี้เวียดนามดูเหมือนจะสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด ในประเทศได้อย่างชะงัดไปแล้ว
จึงนำมาซึ่งคำถามสำคัญ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศเวียดนามกันแน่?
ล่าสุด สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ของสหรัฐอเมริกา ได้ทำรายงานรวบรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ที่เกิดขึ้นในประเทศเวียดนามเอาไว้ มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
ในกรณีการระบาดของไวรัสโควิด 19 ทั่วโลก ประเทศเวียดนามถือว่าประสบความสำเร็จการควบคุมโรคระบาด จนกระทั่งประชาชนสามารถที่จะดำเนินกิจการทุกอย่างจนแทบจะเป็นปกติแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เวียดนามกำลังจะผ่านพ้นช่วงเวลา 100 วันที่ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศ ก็ปรากฏกรณีผู้ติดเชื้อในเมืองดานัง เมืองท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงของเวียดนาม ขณะที่การระบาดในประเทศก็กำลังกระจายตัวไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ การระบาดรอบใหม่ของเวียดนาม ในเคสแรกเป็นผู้ชายในวัน 57 ปีที่เมืองดานัง ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด และต้องใช้เครื่องช่วยพยุงชีพในรพ. จากนั้นก็เกิดกลุ่มแพร่ระบาดไวรัสหรือกลุ่มคลัสเตอร์ขึ้นใหม่ตามมาต่อเนื่อง จากเมื่อวันที่ 29 ก.ค. เกิดกรณีการระบาดของไวรัสในทางตอนเหนือของกรุงฮานอย และทางใต้ของเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งทั้ง 2 เมืองนั้นถือได้ว่าอยู่ทิศตรงกันข้ามของเวียดนาม
แม้ว่าการระบาดในประเทศเวียดนาม ณ เวลานี้จะยังคงมีผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศเป็นจำนวนน้อยกว่า 450 ราย แต่ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าไวรัสยังคงอันตราย แม้แต่กับประเทศที่ดูเหมือนว่าจะจัดการกับวิกฤตการณ์ระบาดทุกอย่างได้เรียบร้อยแล้วก็ตาม
ในประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน ประเทศออสเตรเลีย และประเทศเกาหลีใต้ ประเทศเหล่านี้ก็ดูเหมือนว่าจะสามารถจัดการกับโรคระบาดได้แล้วเช่นกัน แต่กลับปรากฏกรณีการระบาดใหม่กลับขึ้นมาอีกในภายหลัง เช่น ออสเตรเลีย ล่าสุดเมื่อช่วงวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา พบรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่สูงถึง 295 ราย และมีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 9 ราย
ขณะที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ก็มีผู้ติดเชื้อใหม่ในช่วง 2 วันนี้เป็นจำนวนมากกว่า 100 รายในแต่ละวัน ทำให้ทางการฮ่องกงต้องทำงานแข่งกับเวลาในการควบคุมโรคติดต่อ
โดยนางแคร์รี่ ลัม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงถึงกับออกมายอมรับว่าฮ่องกงเสี่ยงที่จะเจอกับการระบาดครั้งใหญ่
กลับมาที่ประเทศเวียดนาม ที่มีประชากรมากกว่า 95 ล้านคน ณ เวลายังไม่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด 19 แม้แต่รายเดียว ซึ่งจากการระบาดที่เกิดขึ้นทำให้ก่อนหน้านี้เกิดคำถามในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุขรวมไปถึงประชาชนในประเทศเวียดนามเองว่าการระบาดนั้นมาจากต้นตอใดกันแน่
“ในความคิดเห็นของผม การระบาดครั้งนี้ถือว่ามีความอันตรายกว่าการระบาดในครั้งก่อน เพราะว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ในหลายสถานที่ และเราไม่รู้ต้นตอของโรค โดยเฉพาะในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนนับหมื่นคนไปเที่ยมที่เมืองดานัง” นายเหงียน ฮวย งา (Nguyen Huy Nga)คณบดี คณะสาธารณสุขและการพยาบาลที่มหาวิทยาลัย Quang Trung ในจังหวัด Binh Dinh กล่าว
นายเหงียน ฮวย งา (Nguyen Huy Nga)คณบดี คณะสาธารณสุขและการพยาบาลที่มหาวิทยาลัย Quang Trung (อ้างอิงรูปภาพจาก https://tienphongnews.com)
ขณะนี้ทางการเวียดนามมีท่าทีที่ค่อนข้างรวดเร็วในการรับมือกับคลื่นของการระบาด โดยในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพบกลุ่มแพร่เชื้อในเมืองดานัง ทางการเมืองได้ติดสินใจสั่งปิดสนามบิน และเริ่มกระบวนการอพยพนักท่องเที่ยวในประเทศกว่า 80,000 คน
นับตั้งแต่กรณีการระบาดในเมืองดานังไม่นาน หลายจังหวัดในประเทศเวียดนามก็เริ่มกระบวนการกักตัวผู้ที่เดินทางกลับจากเมืองดานัง และล่าสุดก็พบกรณีพนักงานเสิร์ฟอาหารในร้านพิซซ่าในกรุงฮานอยติดเชื้อโควิด 19 หลังจากไปเที่ยวเมืองดานังพร้อมกับครอบครัวด้วยเช่นกัน
เจ้าหน้าที่กำลังพ่นยาฆ่าเชื้อที่ร้านพิซซ่าแห่งหนึ่ง หลังพบพนักงานร้านที่ไปเที่ยวเมืองดานังติดโควิด 19
ขณะที่ ในพื้นที่ที่ราบลุ่มตอนกลางของประเทศเวียดนามก็พบกรณีที่หญิงสาวอายุ 21 ปี ซึ่งเคยศึกษาอยู่ที่เมืองดานังและกลับสู่ถิ่นฐานของตัวเองด้วยรถยนต์ก็ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด 19 เช่นกัน
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ทางเมืองดานังต้องกลับมาประกาศบังคับให้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยกันอีกครั้ง พร้อมกับการห้ามไม่ให้มีการลงเล่นน้ำที่ชายหาดในเมืองดานัง เพื่อจะควบคุมการติดเชื้อในเมือง
ชายหาดที่เมืองดานัง หลังเจ้าหน้าที่สั่งห้ามลงเล่นน้ำเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด 19
ก่อนหน้านี้ในช่วงการระบาดในระยะแรกๆที่มาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ประเทศเวียดนามซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศจีนได้ตระหนักถึงความเสี่ยงในการติดเชื้อที่มาจากประเทศจีน จึงได้มีการดำเนินนโยบายอย่างรวดเร็วในการควบคุมชายแดน เพราะก่อนหน้านี้ประเทศเวียดนามเคยได้รับบทเรียนจากการติดเชื้อไวรัสร้ายแรงที่มาจากประเทศจีนไปแล้ว อาทิ โรคซาร์ส และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009
ในช่วงปลายเดือน ม.ค. ประเทศเวียดนามได้สั่งให้มีการปิดโรงเรียน และเจ้าหน้าที่ทางการได้ดำเนินการติดตามหาผู้ติดเชื้ออย่างเข้มข้ม อีกทั้งประเทศเวียดนามซึ่งมีมลภาวะทางอากาศค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ก็ทำให้ประชาชนค่อนข้างให้ความสำคัญกับการใส่หน้ากาก โดยเฉพาะกับการป้องกันอนุภาคของไวรัสที่จะลอยมาในอากาศ
ส่วนในเรื่องของการป้องกันการติดเชื้อจากต่างประเทศนั้น เวียดนามก็ค่อนข้างทำได้รวดเร็วเช่นกัน โดยเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากพบกรณีที่มีผู้หญิงซึ่งติดเชื้อโควิด 19 กลับมาจากงานแฟชั่นโชว์ในทวีปยุโรป ทางการเวียดนามก็มีคำสั่งให้ยุติเที่ยวบินระหว่างประเทศเกือบจะทั้งหมดลงทันที และประชาชนชาวเวียดนามที่จะกลับประเทศก็จะต้องผ่านกระบวนการกักตัวในสถานกักตัวของทางรัฐบาล
แต่ล่าสุดเวียดนามกลับพบกรณีที่มีคนงานชาวเวียดนามจำนวน 120 คน เดินทางกลับจากโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำที่ประเทศอิเควทอเรียลกินี ซึ่งอยู่ในแถบแอฟริกาตะวันตก โดยคนงานทั้ง 120 คนนี้ติดเชื้อโควิด 19 ทั้งหมด
ซึ่งทางกระทรวงต่างประเทศเวียดนามได้รายงานว่าการติดเชื้อจำนวนกว่า 120 คนนี้ถือว่าเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับจากต่างประเทศมากที่สุดเท่าที่เวียดนามได้เคยบันทึกเอาไว้
และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการเวียดนามยังได้มีการห้ามไม่ให้ขายสินค้าสัตว์ป่า ด้วยความกังวลว่าการลักลอบค้าสัตว์ป่านั้นอาจจะเป็นต้นเหตุของการระบาดของไวรัสโควิด 19 ตามที่ได้เคยมีการคาดการณ์เอาไว้ โดยในอดีตที่ผ่านมาประเทศเวียดนามนั้นถือว่าเป็นทั้งผู้บริโภคสินค้าจากสัตว์ป่า และยังเป็นปลายทางสินค้าสัตว์ป่าที่มาจากประเทศจีนผ่านทางชายแดนทางตอนเหนือ
ดังนั้น จากการออกมาตรการต่างๆเพื่อจะระงับและป้องกันการติดเชื้อในประเทศทั้งหมดแล้ว แต่กลับมีการติดเชื้อสะสมที่เมืองดานัง เป็นจำนวนอย่างน้อย 26 ราย ก็ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ในขณะนี้ต่างตั้งข้อสงสัยเป็นอย่างมากว่าแล้วการติดเชื้อที่เกิดขึ้นนั้นมีต้นตอมาจากอะไรกันแน่ และทั้งหมดก็จะต้องเร่งกันหาคำตอบแข่งกับเวลาว่าอะไรนั้นเป็นปัจจัยทำให้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศซึ่งสามารถปิดช่องทางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะกระจายวงไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ มีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามว่าไวรัสโควิด 19 ในเมืองดานังนั้นมีลักษณะทางสายพันธุ์ที่มีความแตกต่างจากสายพันธุ์ของไวรัสโควิด 19 ที่พบในการระบาดในประเทศเวียดนามในช่วงก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าไวรัสสายพันธุ์นี้นั้นน่าจะเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่ระบาดในประเทศอังกฤษ ประเทศไอร์แลนด์ และประเทศบังกลาเทศ ซึ่งมีความสามารถในการติดเชื้อง่ายมาก
ขณะที่นายเหงียน ฮวย งา คณบดี คณะสาธารณสุขและการพยาบาลที่มหาวิทยาลัย Quang Trung ได้ให้ความเห็นยืนยันว่าไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ที่กำลังระบาดในครั้งใหม่นี้ เป็นการระบาดที่มีต้นตอมาจากต่างประเทศอย่างแน่นอน เพราะว่าตามธรรมชาติของไวรัสนั้นไม่มีทางเลยที่จะอยู่รอดในชุมชุนไปได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการป่วยใดๆเลยตลอดช่วงเกือบ 100 วันที่ผ่านมา
นายเหงียน ฮวย งา ยังคาดการณ์ว่าไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่นี้น่าจะมาถึงประเทศเวียดนามเป็นอย่างน้อยก็ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.ถึงต้นเดือน ก.ค.
โดย ณ เวลานี้ ที่เมืองดานัง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังไว้ทั่วเมือง เพื่อจะพยายามหาตัวคนที่เข้ามาจากต่างประเทศว่าใครบ้างที่จะมีโอกาสเป็นผู้นำไวรัสเข้ามาในประเทศ ซึ่งในช่วงวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมชาวจีนจำนวน 9 รายที่ลักลอบเข้าประเทศเวียดนามโดยผิดกฎหมาย และในช่วงต้นเดือน ก.ค. ยังพบว่ามีชาวจีนอีกจำนวน 12 รายถูกจับกุมในภูมิภาคตอนกลางของประเทศเวียดนาม และในช่วงวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้แถลงข่าวว่าชาวจีนที่ถูกจับได้รายหนึ่งเป็นหัวหน้าของเครือข่ายขบวนการค้าแรงงานผิดกฎหมายข้ามชาติ
ขณะนี้ชาวจีนทั้งหมดที่ถูกจับกุมได้ถูกกักตัวอยู่ในค่ายกักตัว หรือโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าดูอาการต่อไป
ข่าวการจับกุมกลุ่มผู้ค้าแรงงานผิดกฎหมายชาวจีน (อ้างอิงวิดีโอจากช่อง Eagle News)
ที่ผ่านมาแม้เวียดนามจะพยายามเตรียมเตียงแพทย์ให้พร้อมสำหรับกรณีที่มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตามนายเหงียน ฮวย งา ระบุว่า ขณะนี้เวียดนามกำลังประสบปัญหาสำคัญคือมีจำนวนอุปกรณ์ อาทิเครื่องช่วยหายใจ และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยไวรัสโควิด ในจำนวนที่ค่อนข้างจะจำกัด และปัญหาอีกประการก็คือ ประชาชนเวียดนามจำนวนมาก การ์ดเริ่มที่จะตกแล้ว
“หลังจากผ่านไป 100 วันที่ไม่มีการระบาดในประเทศ ประชาชนก็เริ่มที่จะไม่เฝ้าระวังการระบาดในประเทศแล้ว พวกเขาเริ่มที่จะไม่ใส่หน้ากากหรือล้างมือด้วยสบู่ และเริ่มที่จะเดินทางไปยังสถานที่แออัดกันมากขึ้น” นายเหงียน ฮวย งา ระบุ
เรียบเรียงเนื้อหาแล้วภาพบางส่วนจาก:https://www.nytimes.com/2020/07/29/world/asia/coronavirus-vietnam.html
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage