“..คนที่ป่วยที่ไม่ได้แจ้งอาการป่วยด้วยโรคโควิด หมายความว่า พวกเขาอาจจะยังไม่ได้มีการแสดงอาการของโรค ณ เวลานั้น เช่น การไอเรื้อรัง ภาวะหายใจลำบาก แต่บางคนก็อาจจะมีอาการป่วยแค่เล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่รู้เลยว่าจะมีใครบ้างซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการจริงๆ...”
ผู้ที่ไม่แสดงอาการติดเชื้อโรคโควิด -19 สามารถจะแพร่เชื้อต่อได้หรือไม่
กำลังเป็นอีกหนึ่งข้อถกเถียงที่ถูกพูดถึงมากเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 หรือโคโรน่าไวรัสทั่วโลก ในช่วงปัจจุบันนี้
ล่าสุด สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐอเมริกา ได้นำเสนอรายงานโดยอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของ นางมาเรีย แวน เคิร์กฮอฟ (Maria Van Kerkhove) หัวหน้าฝ่ายตอบสนองต่อการแพร่ระบาดขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO ที่ระบุว่า การแพร่ระบาดระหว่างผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการไปยังผู้อื่นนั้นเป็นกรณีที่แปลกมาก
"เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เรายังไม่รู้ เพราะการแพร่เชื้อส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นจากกรณีที่ผู้ที่ติดเชื้อที่มีอาการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นผ่านละอองของเหลวของผู้ติดเชื้อ แต่ก็พบว่ามีกลุ่มย่อยของผู้ที่ไม่มีอาการใดๆเลยเช่นกันที่อาจจะมีโอกาสแพร่เชื้อได้ ซึ่งเรายังไม่รู้รายละเอียดตรงนี้ ดังนั้นเราก็ต้องทำความเข้าใจให้มากกว่านี้ว่ามีใครบ้างที่เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ และเขาจะมีโอกาสแพร่เชื้อได้อย่างไร"
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นางมาเรีย เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ผู้ที่ไม่มีอาการโรคนั้นแท้จริงแล้วมักจะเป็นผู้ที่มีอาการป่วยเล็กน้อยตามมาเป็นส่วนมาก
“คนที่ป่วยที่ไม่ได้แจ้งอาการป่วยด้วยโรคโควิด หมายความว่า พวกเขาอาจจะยังไม่ได้มีการแสดงอาการของโรค ณ เวลานั้น เช่น การไอเรื้อรัง ภาวะหายใจลำบาก แต่บางคนก็อาจจะมีอาการป่วยแค่เล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่รู้เลยว่าจะมีใครบ้างซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการจริงๆ” นางมาเรียกล่าว
นางมาเรีย แวน เคิร์กฮอฟ (Maria Van Kerkhove) หัวหน้าฝ่ายตอบสนองต่อการแพร่ระบาดขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO (อ้างอิงวิดีโอจากช่อง WHO )
ทั้งนี้ ประเด็นการให้สัมภาษณ์ของนางมาเรียนั้น ถูกมองว่า อาจจะทำให้เกิดความไม่ลงรอยกันระหว่างสหรัฐอเมริกา และองค์การ WHO ขึ้นอีกครั้ง
เพราะเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายแอนโทนี่ ฟาวซี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซี โต้แย้งคำให้สัมภาษณ์ของนางมาเรียว่า ไม่ถูกต้องในประเด็นที่กล่าวว่าการแพร่เชื้อของผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่ไม่แสดงอาการนั้นถือว่าเป็นเรื่องแปลก
นายแอนโทนี่ ได้อ้างถึงหลักฐานที่ระบุว่า 25 -45 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อนั้นพบว่าพวกเขาไม่มีอาการโรคแต่อย่างใด
ขณะที่การศึกษาด้านระบาดวิทยานั้นก็พบว่า ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการกลับสามารถส่งต่อเชื้อให้กับผู้อื่นได้ ดังนั้นคำพูดว่าผู้ป่วยที่ไม่มีอาการแล้วสามารถแพร่เชื้อได้อยู่ในอัตราที่น้อยนั้นจึงไม่เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องแต่อย่างใด
นายแอนโทนี่ ยังระบุด้วยว่า สิ่งที่น่าเป็นกังวลยิ่งกว่าการแพร่เชื้อของผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ ก็คือ การเพร่เชื้อของผู้ป่วยก่อนที่จะมีการแสดงอาการป่วยด้วยโรคโควิดตามมา
นายแอนโทนี่ ฟาวซี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อ (อ้างอิงรูปภาภจากซีเอ็นบีซี)
อย่างไรก็ดี ในประเด็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการแพร่เชื้อของผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ ดังกล่าวนั้น นายไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ฉุกเฉินของ WHO เคยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. สอดคล้องกับคำพูดของนางมาเรีย ว่า ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยที่ไม่มีอาการอีกมาก
ขณะที่ นายวิลเลียม สแคฟเนอร์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ (Vanderbilt) และที่ปรึกษาสถาบันควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯ หรือซีดีซี ก็ออกมาระบุว่า จริงๆ แล้วไม่ควรมองความสำคัญว่าใครจะเป็นผู้แพร่เชื้อทั้งผู้ที่ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ หรือผู้ที่ติดเชื้อก่อนแสดงอาการ แต่ควรจะมองสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือปลายทางของการแพร่เชื้อ และจะหยุดการแพร่เชื้อได้อย่างไร
“ผมคิดว่าทาง WHO นั้นยึดติดมากเกินไปกับประเด็นเรื่องผู้ที่จะแพร่เชื้อ แต่เราควรดูมากกว่าว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดโอกาสแพร่เชื้อที่มากขึ้นไปอีก เพราะแม้แต่คุณก็อาจจะเป็นผู้ที่แพร่เชื้อโดยที่ไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อไปแล้วก็ได้ ดังนั้น คำถามก็คือเราจะยับยั้งการแพร่เชื้อได้อย่างไร ในขณะที่คนเหล่านี้ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งคำตอบก็คือการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมใส่หน้ากาก การรักษาสุขอนามัย และการหลีกเลี่ยงจากสถานที่พลุกพล่าน” นายวิลเลียมกล่าว
นายวิลเลียม สแคฟเนอร์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ (Vanderbilt) และที่ปรึกษาสถาบันควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯ (อ้างอิงรูปภาพจาก https://vanderbilthustler.com/)
ด้านนายเลียม สมีธ ศาสตราจารย์ด้านการรักษาการระบาดวิทยา วิทยาลัยอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนลอนดอน กล่าวในบทความสื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ของอังกฤษว่า ตัวเขาแปลกใจมากกับคำให้สัมภาษณ์ของนางมาเรีย เพราะว่าคำสัมภาษณ์เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่เคยนำเสนอไปว่าผู้ป่วยโรคโควิด ที่ไม่แสดงอาการและก่อนแสดงอาการนั้นเป็นแหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญของการระบาดโควิด 19
“เพราะเราไม่รู้ว่าผู้ที่ไม่แสดงอาการนั้นจะแพร่เชื้อหรือไม่ นั้นก็คือเหตุผลว่าทำไมต้องมีการปิดเมือง ซึ่งเรารู้มาโดยตลอดก่อนที่จะมีการให้สัมภาษณ์ของนางมาเรียว่า เพราะมาตรการปิดเมืองนั้นทำให้มีการป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอีก และทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกเป็นจำนวนหลายล้านคนทั่วโลก” นายวิลเลียมกล่าว
นายเลียม ยังได้อ้างถึงงานวิจัยที่ออกมาในช่วงต้นเดือน เม.ย.ว่า มาตรการปิดเมืองและมาตรการเฝ้าระวังไวรัสอื่นๆนั้นสามารถป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนกว่า 500 ล้านคน ใน 6 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อโควิด 19 นั้นก็มาจากผู้ที่ไม่แสดงอาการถึง 30-50 เปอร์เซ็นต์
“ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระบุว่าเกินครึ่งหนึ่งของการติดเชื้อนั้นมาจากผู้ที่ป่วยแบบไม่แสดงอาการ และผู้ที่ป่วยก่อนระยะแสดงอาการ ” นายเลียมกล่าว
นายเลียม สมีธ ศาสตราจารย์ด้านการรักษาการระบาดวิทยา วิทยาลัยอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนลอนดอน (อ้างอิงรูปภาพจากช่องมหาวิทยาลัยลอนดอน)
เรียบเรียงจาก:https://edition.cnn.com/2020/06/09/health/who-coronavirus-asymptomatic-spread-bn/index.html
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage