ก่อนกรณีทหารชั้นผู้น้อยร้องขอความเป็นธรรม - ป.ป.ช.ขยับสอบ! เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาคดีเอื้อ เอกชนบริหารกิจการห้องเย็น กองทัพเรือ วินิจฉัย 3 ประเด็นหลัก ยืนตามชั้นอุทธรณ์ ให้เจ้าของร้าน KO.ผักสด เมียอดีตรองผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ชดใช้เงิน 44 ล.
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ความอื้อฉาวกรณีเอื้อประโยชน์ในกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ กองทัพเรือจนเกิดความเสียหาย 39.9 ล้านบาท ตกเป็นข่าวอีกครั้งใน 2 กรณี
1. นาวาตรีหญิง วัชรี ดาวกลาง อดีตผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายจัดส่งเสบียง ร้องเรียนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ถูกกองทัพเรือออกคําสั่งทางปกครองให้ชดใช้เงินจํานวนเงิน 999,482.93 บาท ตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ทั้งๆที่ ศาลปกครองระยองพิพากษาให้ชดใช้ จํานวน 364,756.90 บาท ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ความเสียหายในกรณีดังกล่าวมาจาก คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบและผู้บริหารกิจการห้องเย็นฯ ดําเนินนโยบายให้นางอังคณา อุณหกะ ภรรยา อดีตรองผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ในนามร้าน KO.ผักสด ดําเนินการร่วมลงทุนกับ กิจการห้องเย็นฯ จนเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น เธอและนายทหารชั้นผู้น้อย ได้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณาให้ความเป็นธรรม ไม่อยากเป็นแพะรับบาปที่ไม่ได้ก่อ
(อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง:น.ต.หญิงร้อง‘อิศรา’เป็นแพะรับบาปคดีเอื้อปย.เมียนายพลบริหารห้องเย็น-โฆษก ทร.แจงเรื่องเก่า)
2.กรณีกองทัพเรือกล่าวโทษต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ให้เอาผิดทางอาญาและวินัยกับ 2 นายทหาร รวมเอกชน 1 ราย รวมเป็น 3 ราย ตั้งแต่ปี 2555 ล่าสุด คณะพนักงานไต่สวน ป.ป.ช. ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำที่ กองบัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ(ชั่วคราว) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2563
(อ่านข่าวเกี่ยวข้อง:ขยับแล้ว!ป.ป.ช.เรียกสอบพยานคดีเอื้อเมียนายพล บริหารห้องเย็น ทร.สูญ 39.9 ล.)
กรณีการเอาผิดทางแพ่ง
กองทัพเรือ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางอังคณา อุณหกะ หรือ แสงเพ็ชร จำเลย ในคดีที่จำเลยเป็นเจ้าของร้าน K.O. ผักสด เข้าร่วมดำเนินการบริหารกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ กองทัพเรือ โดยให้กิจการห้องเย็น จ่ายเงินล่วงหน้าไปก่อน เมื่อมีผลกำไรแล้วให้มาชำระคืนภายหลัง ระหว่างเดือน เม.ย.2550-ก.ย.2552 กิจการห้องเย็นได้จ่ายเงินให้แก่จำเลยไปแล้ว 13 ครั้ง รวมเป็นเงินที่จำเลยต้องชำระหนี้ ทั้งสิ้น 39,985,303 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้กองทัพเรือชนะคดี ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 44,093,406.23 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 39,985,303 บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 15 กันยายน 2554) เป็นต้นไป จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษาเมื่อ 27 ก.ย.2559 แก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 44,093,406.23 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 39,985,303 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ (คดีหมายเลขแดงที่ 2083/2559)
จำเลยขอฎีกา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 20 มี.ค.2562 ศาลจังหวัดพัทยา อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาที่มีคำพิพากษา วันที่ 27 พ.ย.2561 (คดีหมายเลขที่ 8156/2561) พิพากษายืน
สรุปศาลฎีกาตั้งประเด็นวินิจฉัย 3 ประเด็น
ประเด็นแรก โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพลเรือเอกสุวิทย์ ธาระรูป ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ มีอํานาจดําเนินคดีแพ่งและในส่วนที่เกี่ยวข้องแทนในนาม ผู้บัญชาการทหารเรือได้โดยชอบ โจทก์จึงมีอํานาจฟ้อง ฎีกาข้อนี้ของจําเลยฟังไม่ขึ้น
ประเด็นที่สอง การที่กิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบ บอกเลิกการจัดส่งเสบียงของจําเลย นั้น เป็นการบอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้จัดการกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบมีหนังสือแจ้งบอกเลิกการจัดส่งเสบียงของจําเลยตามเอกสาร จึงไม่จําต้องบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกเดือนก่อนสิ้นรอบปีในทางบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1056 การบอกเลิกสัญญาดังกล่าวขอบด้วยกฎหมายแล้วฎีกาข้อนี้ของจําเลยฟังไม่ขึ้น
ประเด็นที่สาม หนังสือยอมรับการส่งคืนเงินทุนและข้อตกลงการชดใช้ของจําเลย เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 หรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือยอมรับการส่งคืนเงินทุนและข้อตกลงการชดใช้ของจําเลย จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 โจทก์มีสิทธิขอให้บังคับจําเลยคืนเงินทุนพร้อมผลประกอบการ (กําไร) ทั้งหมดได้ตามฟ้อง
รายละเอียดดังนี้
1.โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่
จําเลยให้การและฎีกาในทํานองเดียวกันว่า ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2551 คําสั่งกองทัพเรือที่ 199/2553 เรื่องการมอบอํานาจสั่งการและทําการแทนในนามผู้บัญชาการทหารเรือ ลงวันที่ 24 กันยายน 2553 และประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการลําดับที่ 345 คือผู้รับมอบอํานาจโจทก์นั้น เป็นเพียงสําเนาเอกสาร จําเลยไม่อาจทราบและรับรองความถูกต้องได้นั้น
ข้อนี้โจทก์มีนาวาเอกเสถียร สีดํา ผู้ประสานคดีของโจทก์มาเบิกความเป็นพยานว่า โจทก์เป็นส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มีผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบกระทําการแทนโจทก์ ซึ่งในขณะยื่นฟ้องคดีนี้ มีพลเรือเอกกําธร พุ่มหิรัญ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือตามสําเนาประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ คดีนี้โจทก์ได้มอบอํานาจให้ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือมีอํานาจดําเนินการแทนโจทก์ ตามสําเนาคําสั่งกองทัพเรือที่ 199/2553 โดยพลเรือเอกสุวิทย์ ธาระรูป เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้รับมอบอํานาจดําเนินคดีนี้แทนโจทก์ ตามสําเนาประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ แต่จําเลยไม่นําสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 บัญญัติว่า การอ้างเอกสาร เป็นพยานหลักฐานให้ยอมรับฟังได้เฉพาะต้นฉบับเอกสารเท่านั้น เว้นแต่…(3) ต้นฉบับเอกสาร ที่อยู่ในความอารักขาหรือในความควบคุมของทางราชการนั้น จะนํามาแสดงได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากทางราชการที่เกี่ยวข้องเสียก่อน อนึ่ง สําเนาเอกสารซึ่งผู้มีอํานาจหน้าที่ได้รับรองว่าถูกต้องแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันเพียงพอในการที่จะนํามาแสดง เว้นแต่ศาลจะได้กําหนดเป็นอย่างอื่น เมื่อปรากฏว่าเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 ถึง 3 ซึ่งตรงกับเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 นั้นเป็นเอกสารราชการ ดังนั้น ต้นฉบับเอกสารดังกล่าวย่อมอยู่ในความอารักขา หรือในความควบคุมของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง แม้เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 ถึง 3 จะมีนาวาเอกวีรยุทธ์ โรจรุจิพงษ์ ลงลายมือชื่อรับรองโดยไม่ปรากฏว่านาวาเอกวีรยุทธ์ มีตําแหน่งราชการใดก็ตาม แต่ในชั้นพิจารณาโจทก์ได้นํานาวาเอกเสถียรมาเบิกความประกอบการอ้างเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 เป็นพยาน นาวาเอกเสถียรดํารงตําแหน่งหัวหน้านายทหารพระธรรมนูญ ที่กองบัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ อีกทั้งเป็นผู้ประสานคดีของโจทก์ซึ่งตามตําแหน่งหน้าที่ของนาวาเอกเสถียรย่อมมีอํานาจในการรับรองเอกสารราชการ หมาย จ.1 ถึง จ.3 อันเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องในคดีได้โดยชอบ ศาลจึงรับฟังเอกสาร หมาย จ.1 ถึง จ.3 เป็นพยานโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพลเรือเอกสุวิทย์ ธาระรูป ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ มีอํานาจดําเนินคดีแพ่งและในส่วนที่เกี่ยวข้องแทนในนาม ผู้บัญชาการทหารเรือได้โดยชอบ โจทก์จึงมีอํานาจฟ้อง ฎีกาข้อนี้ของจําเลยฟังไม่ขึ้น
2. การที่กิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบ บอกเลิกการจัดส่งเสบียงของจําเลย นั้น เป็นการบอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ข้อนี้จําเลยเบิกความว่า ในการประชุมคณะกรรมการสัตหีบ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559 ที่ประชุมเห็นชอบ ให้ร้าน เค.โอ.อ๊อดผักสดสัตหีบของจําเลยร่วมลงทุนดําเนินการส่งเสบียงให้แก่หน่วยต่าง ๆ ในฐานทัพเรือสัตหีบ โดยกิจการห้องเย็นลงทุนด้วยเงินเพื่อสนับสนุนทุนดําเนินการจัดซื้อเสบียงอาหารให้แก่ร้าน เค.โอ.อ๊อดผักสดสัตหีบซึ่งจําเลยลงทุนด้วยทรัพย์สินอื่นหรือลงแรงงาน ส่วนกําไรและขาดทุนย่อมเป็นไปตามส่วนที่ลงหุ้นกัน
ส่วนโจทก์มี พลเรือตรีธงชัย ใจเย็น อดีตผู้จัดการกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบ พลเรือตรีเสริมเกียรติ จันทรสอาด ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายอํานวยการสวัสดิการสัตหีบ นาวาตรีพุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ หัวหน้าฝ่ายจัดส่งเสบียงกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบมาเบิกความ เป็นพยานในทํานองเดียวกันว่า โจทก์กับจําเลยไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกัน เป็นเรื่องที่โจทก์ ทดรองจ่ายเงินค่าสินค้าให้จําเลยไปก่อนแล้วจําเลยต้องคืนเงินทดรองจ่ายพร้อมผลประโยชน์ ตอบแทนตามกําหนดเวลาที่ตกลงไว้ โดยไม่ต้องคํานึงถึงผลประกอบกิจการของจําเลยว่ากําไรหรือขาดทุนจริงหรือไม่
เห็นว่า การตกลงอันมีลักษณะเป็นหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ทั้งกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบกับจําเลยจะต้องตกลงเข้ากันเพื่อกระทํากิจการร่วมกัน ด้วยประสงค์จะแบ่งปันกําไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทํานั้น แต่จําเลยเบิกความว่า ในช่วงแรก กิจการห้องเย็นตกลงจะจ่ายเงินทุนในการจัดซื้อเสบียงอาหารให้แก่ร้าน เค.โอ.อ๊อดผักสดสัตหีบทุกวัน ตามจํานวนรายการเสบียงที่จะจัดส่งให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ในฐานทัพเรือสัตหีบในนามกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบ โดยตกลงให้ร้าน เค.โอ.อ๊อดผักสดสัตหีบส่งเงินทุนคืนพร้อมผลประโยชน์ตอบแทน (กําไร) อัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน แต่ต่อมากิจการห้องเย็นไม่สามารถจ่ายเงินทุนในการจัดซื้อเสบียงได้ทุกวันเนื่องจากติดปัญหาการอนุมัติเบิกจ่ายเงิน ต้องใช้เวลาดําเนินการจึงเปลี่ยนการจ่ายเงินทุนในการจัดซื้อเสบียงให้แก่ร้าน เค.โอ.อ๊อดผักสดสัตหีบ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง พร้อมกับให้ทางร้าน เค.โอ.อ๊อดผักสดสัตหีบส่งคืนเงินทุนพร้อมผลกําไรอัตรา ร้อยละ 2.5 ต่อเดือนทุก 2 เดือน ต่อมากิจการห้องเย็นต้องการผลประกอบการสูงขึ้นจึงให้จําเลยหาลูกค้าที่เป็นเอกชนเพิ่มขึ้นและตกลงให้เครดิตคืนเงินทุนพร้อมผลกําไรอัตราร้อยละ 4.50 ต่อ 3 เดือน
ทางนําสืบของจําเลยจึงเจือสมกับทางนําสืบของโจทก์ที่ว่า กิจการห้องเย็นกับจําเลยตกลงกันให้กิจการห้องเย็นทดรองจ่ายเงินเพื่อให้จําเลยจัดซื้อเสบียงสินค้าเพื่อส่งมอบแก่หน่วยงานในฐานทัพเรือ ซึ่งตามปกติเป็นงานในความรับผิดชอบของกิจการห้องเย็นอยู่ก่อนแล้วเพื่อช่วยเหลือและอํานวยความสะดวกให้แก่ข้าราชการตามวัตถุประสงค์ของระเบียบคณะกรรมการสวัสดิการกองทัพเรือเป็นหลักไม่ได้ประสงค์จะแบ่งปันกําไรซึ่งเป็นการประกอบธุรกิจกันอย่างจริงจัง การที่จําเลยยอมให้ผลประโยชน์ในการประกอบการ (กําไร) แก่กิจการห้องเย็นเป็นเพราะได้เงินจากกิจการห้องเป็นไปใช้จ่ายก่อนกําหนดเวลาที่จะคืนเงินนั้นเอง นอกจากนี้ยังได้ความว่ากิจการห้องเย็นได้ผลกําไรในอัตราร้อยละเป็นจํานวนคงที่ตามระยะเวลาที่จําเลยได้เครดิตในการส่งเงินคืน โดยที่กิจการห้องเย็นไม่ต้องร่วมรับผิดกับจําเลยเพื่อหนี้ทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับร้าน เค.โอ.อ๊อดผักสดสัตหีบของจําเลยแต่อย่างใด นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายไม่มีเอกสารรอบบัญชีทางการเงินที่จะต้องแสดงแก่กัน ดังนั้นนิติสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายไม่เข้าลักษณะเป็นหุ้นส่วนต่อกัน การที่ผู้จัดการกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบมีหนังสือแจ้งบอกเลิกการจัดส่งเสบียงของจําเลยตามเอกสาร จึงไม่จําต้องบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกเดือนก่อนสิ้นรอบปีในทางบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1056 การบอกเลิกสัญญาดังกล่าวขอบด้วยกฎหมายแล้วฎีกาข้อนี้ของจําเลยฟังไม่ขึ้น
3. หนังสือยอมรับการส่งคืนเงินทุนและข้อตกลงการชดใช้ของจําเลย เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 หรือไม่
เห็นว่า ตามเอกสาร เป็นหนังสือที่จําเลยทําความตกลงกับพลเรือเอกสุวิทย์ ธาระรูป ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือโดยมีข้อความว่า จําเลยยอมรับว่าได้นําเงินจากกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบไปเป็นเงิน 39,985,303 บาทจริง และจําเลยจะชดใช้คืนโดยผ่อนชําระเดือนละประมาณ 800,000 บาท เป็นเวลา 4 ปี หรือ 48 เดือน จําเลยจะส่งเงินคืนไม่ต่ำกว่า 3,000,000 บาท เมื่อผ่อนชําระไปแล้ว 6 เดือน เพื่อเป็นเงินดาวน์ และเลยยินดีจะใช้หลักทรัพย์ได้แก่ทรัพย์สินของตนและทรัพย์สินในธุรกิจที่ดําเนินการอยู่จํานวนประมาณ 10,000,000 บาท รวมทั้งผลประโยชน์ที่จะได้รับจากกรมธรรม์ประกันชีวิตที่พึงได้ประมาณ 20,000,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันตามข้อตกลงนี้ หากไม่สามารถดําเนินการชดใช้ตามข้อตกลงดังกล่าวได้ จําเลยยินดีให้กิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบยืดหลักทรัพย์ที่ได้ค้ำประกันดังกล่าว โดยกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบยินดีให้ความร่วมมือในการเปิดโอกาสจัดหาลูกค้าให้แก่จําเลย
เมื่อพิจารณาข้อความในเอกสารฉบับนี้โดยตลอดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่จําเลยมาทําบันทึกยอมรับผิดและขอผ่อนผันเวลาการชําระหนี้ให้เสร็จสิ้นไปเท่านั้น จํานวนเงินที่จะชําระในแต่ละเดือนตลอดจนหลักทรัพย์ในการคําประกันก็ไม่ระบุให้ชัดเจน ส่วนข้อความที่ว่ากิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบยินดีให้ความร่วมมือในการเปิดโอกาสจัดหาลูกค้าให้จําเลยนั้นมีลักษณะว่ากิจการห้องเย็นจะช่วยเหลือหาลูกค้าทั่วไปให้แก่ร้าน เค.โอ.อ๊อดผักสดสัตหีบเพื่อค้าขายที่ร้านของตนเอง ต่อไปได้สะดวกเช่นเดิม มิใช่ให้จําเลยเข้ามาจัดส่งเสบียงในหน่วยงานของฐานทัพเรือสัตหีบตามเดิมแต่อย่างใด นอกจากนี้ตามหนังสือฉบับนี้ยังระบุไว้อีกว่าข้อตกลงนี้จะใช้เป็นแนวทางการแก้ปัญหาเท่านั้น กรณีจึงไม่ใช่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน หนังสือยอมรับการส่งคืนเงินทุนและข้อตกลงการชดใช้ของจําเลย จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 โจทก์มีสิทธิขอให้บังคับจําเลยคืนเงินทุนพร้อมผลประกอบการ (กําไร) ทั้งหมดได้ตามฟ้อง
ส่วนจำเลยไม่มีสิทธิบังคับโจทก์ยินยอมให้จำเลยเข้าไปบริหารกิจการห้องเย็น สวัสดิการสัตหีบเป็นเวลา 4ปี ตลอดจนเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ตามฟ้องแย้งฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น สำหรับฎีกาในข้ออื่นของจำเลยเป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อย อีกทั้งไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับวินิจฉัย คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง
ขยับแล้ว!ป.ป.ช.เรียกสอบพยานคดีเอื้อเมียนายพล บริหารห้องเย็น ทร.สูญ 39.9 ล.
น.ต.หญิงร้อง‘อิศรา’เป็นแพะรับบาปคดีเอื้อปย.เมียนายพลบริหารห้องเย็น-โฆษก ทร.แจงเรื่องเก่า
เปิดจดหมาย นายทหารเรือ สุดขมขื่น อยากจบชีวิตกับความเลวร้าย
ขมวดคดีทุจริตห้องเย็น ทร. 39.9 ล. 5 ปียังเรียกเงินคืนไม่ได้ ‘นาย’รอด-ลูกน้องร่วง
เปิดข้อต่อสู้คดีทุจริต 39.9 ล. ทร. น.ท.เล่าพาลูกไปบ้าน พล.ร.ท. ขอเทปลับ
พล.ร.ท.กุมเทปลับนาย! น.ท.- 9 ทหารยื่นอุทธรณ์คดีห้องเย็น ทร. 39.9 ล.
คำพิพากษา พล.ร.ต. ต้องชดใช้ 1.9 ล.คดีห้องเย็น ทร.เสียหาย 39.9 ล.
หนังสือ 'พล.ร.ต.' แย้งคำสั่ง ทร.ชดใช้ 15.9 ล. ซัด ‘นายสั่ง’-กก.เห็นชอบทุกเรื่อง
ทร.ยัน‘พล.ร.ต.สุรชัย’จำยอมชดใช้ 15.9 ล.คดีทุจริตห้องเย็น-หาช่องยึดทรัพย์
เผยชื่อครบ13 นายทหารฟ้องศาลเพิกถอนคำสั่ง ผบ.ทร.คดีทุจริตห้องเย็น39.9 ล.
คำพิพากษา พล.ร.ท.ไม่ต้องชดใช้ 7.9 ล. ทร.!ทำผิดระเบียบ-ได้เงินครบ-ไม่เสียหาย
ศาลปกครองเพิกถอน คำสั่ง ทร.! พล.ร.ท.ไม่ต้องชดใช้ 7.9 ล. คดีทุจริตห้องเย็น
เปิดชื่อ กก.ไต่สวน พล.ร.ต.-เมียนายพล ทุจริตห้องเย็น ทร.- พล.อ.อกนิษฐ์ ด้วย
น.ท.ร้อง 5 ปีไม่คืบ!คดีทุจริตห้องเย็น ทร. 39.9 ล.-ป.ป.ช.เปลี่ยน กก.สอบชุดสอง
เปิดคำพิพากษา!เมียนายพลชดใช้ 44 ล.ร่วมกิจการ ทร.-พล.ร.ท.ชวนเข้าหุ้น
ศาลอุทธรณ์ยืนสั่ง‘เมีย’นายพล ชดใช้เงิน 44 ล.ปมร่วมกิจการห้องเย็นฯทัพเรือ
ไทม์ไลน์!มหากาพย์ คดีห้องเย็น 39.9 ล. เอื้อเมียนายพล-เชือด พล.ร.อ. 14 ทหาร
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage