น.ต.หญิงร้อง‘อิศรา’เป็นแพะรับบาปคดีเอื้อปย.เมียนายพลบริหารห้องเย็น-โฆษก ทร.แจงเรื่องเก่า

ทหารชั้นผู้น้อยร้องเรียน‘อิศรา’ไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีกองทัพเรือ ยึดคำสั่ง ก.คลัง ให้ชดใช้ค่าเสียหาย คดีเอื้อ ปย. ร้านเมียนายพล บริหารกิจการห้องเย็น สัตหีบ มากกว่าคำพิพากษาศาลปกครอง ยันศาลฎีกาพิพากษาแล้วให้เอกชนชดใช้ 39.9 ล้าน บ่งชี้ไม่ใช่ความผิด จนท. ตกเป็นแพะรับบาปหลายปี - ด้านโฆษก ทร. แจงเป็นเรื่องเก่ามาก

pidfdfdfdfdfg26 5 63

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการร้องเรียนจากนาวาตรีหญิง วัชรี ดาวกลาง ว่าไม่ได้รับ ความเป็นธรรมที่ถูกกองทัพเรือออกคําสั่งทางปกครองให้ชดใช้เงิน จํานวนเงิน 999,482.93 บาท ตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ทั้งๆที่ ศาลปกครองระยองพิพากษาให้ชดใช้ จํานวน 364,756.90 บาท ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

คำร้องเรียนสรุปได้ว่า

1. ความเป็นมา คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบและผู้บริหารกิจการห้องเย็นฯ ดําเนินนโยบายให้นางอังคณา อุณหกะ ภรรยา อดีตรองผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ในนามร้าน KO.ผักสด ดําเนินการร่วมลงทุนกับ กิจการห้องเย็นฯ ตั้งแต่ ธ.ค.2549 ถึง ก.ย.2552 รวมเป็นเวลา 2 ปีเศษ เมื่อมีการเปลี่ยนคณะกรรมการสวัสดิการ สัตหีบ จึงมีการสั่งระงับการร่วมลงทุนและเรียกเงินคืนตามข้อตกลง แต่นางอังคณา ไม่นําเงินส่งคืนโดยอ้างว่า ไม่บอกเลิกก่อนสิ้นปีทางบัญชีไม่น้อยกว่า 6 เดือน ทําให้เกิดความเสียหายไม่สามารถส่งเสบียงลูกค้าได้ แต่ขอผ่อนชําระ แต่กองทัพเรือไม่รับเงื่อนไขในการผ่อนชําระ นางอังคณาฯ จึงไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง กองทัพเรือจึงได้รับความเสียหายเป็นเงิน เป็นเงิน 39,979,317.15 บาท

2. ตามเอกสารหลักฐานข้อเท็จจริงและศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่านางอังคณาฯต้องชดใช้ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นและนางอังคณาฯ ได้ทําหนังสือชี้แจงต่อศาลว่า พลเรือโท ชาญชัย เจริญสุวรรณ ประธานสวัสดิการสัตหีบ เป็นผู้เชิญมาร่วมลงทุน เป็นสิ่งที่พิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่า นาวาตรีหญิง วัชรี ผู้ร้อง และพวก ที่ปฏิบัติงานในกิจการห้องเย็นฯ มิได้มีการทุจริตและมิได้ปฏิบัติงานด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เมื่อนาวาตรีหญิง วัชรี ได้ส่งเอกสารหลักฐานเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง จะได้คำตอบว่าฟังไม่ขึ้นจากกองทัพเรือ ในชั้นอุทธรณ์ ยังคงกล่าวหาว่านาวาตรีหญิง วัชรี กับพวก ปฏิบัติงานด้วยความ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เมื่อมีผู้ปฏิบัติงานห้องเย็นฯ ได้ร้องทุกข์กับกองทัพเรือก็ได้คําตอบว่าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง ทําให้นาวาตรีหญิง วัชรี ผู้ร้อง ได้รับความเดือดร้อนมาเป็นเวลานาน อีกทั้งไม่ได้รับความสะดวกในการร้องขอเอกสารหลักฐาน สู้คดีจากกองทัพเรือ

3.กรมบัญชีกลางไม่ให้โอกาสแก่นาวาตรีหญิง วัชรี ผู้ร้องและพวกได้แสดงเอกสารหลักฐานโต้แย้ง และไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง โดยมีความเห็นว่า กิจการห้องเย็น 1. ดําเนินโดยพลการโดยกล่าวอ้างว่าสวัสดิการให้ดําเนินการตามปกติ แต่กิจการห้องเย็นฯ ไปดําเนินการร่วมลงทุนเอง 2. คณะกรรมการตรวจรับของไม่เห็นของ 3. ไม่เร่งรัดเรียกเก็บหนี้จากร้าน KO.ผักสด เมื่อถึงกําหนด

ความเห็นของกรมบัญชีกลางไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงคือ

ข้อแรก กิจการห้องเย็นฯ มิได้ดําเนินการโดยพลการ แด่ดําเนินการตามมติที่ประชุมสวัสดิการที่ให้ดําเนินการร่วมลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 1 วิธี เพิ่มจากวิธีดําเนินการตามปกติ วิธีดําเนินการก็ปรากฏอย่างละเอียดในรายงานประชุมคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ ครั้งที่ 4/ 2551

ข้อ 2. ผู้ปฏิบัติงานในห้องเย็นฯที่เป็นกรรมการตรวจรับของไม่เห็นของ ก็เป็นความเห็นที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเพราะการตรวจรับสินค้าเสบียงขณะตรวจรับจะไม่เห็นของเพราะว่าสินค้าได้ส่งให้ผู้สั่งซื้อเรียบร้อย แล้วเพื่อนําไปประกอบอาหาร แต่มีเอกสารหลักฐานว่าผู้ซื้อได้รับของถูกต้องเรียบร้อยตามจํานวนที่สั่งซื้อผู้ที่มี หน้าที่ตรวจรับจะยึดถือเป็นสินค้าที่ตรวจรับเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการเบิกเงินจากสวัสดิการสัตหีบ ส่วนวิธีร่วมลงทุนไม่เห็นของเพราะร้าน KO.ผักสด เป็นผู้ส่งของเองมิได้ผ่านเจ้าหน้าที่กิจการห้องเย็นฯ

ข้อ 3 ไม่เร่งรัดเรียกเก็บหนี้จากร้าน KO.ผักสด เมื่อกําหนด แต่ข้อเท็จจริง เมื่อสวัสดิการสัตหีบสั่งกิจการห้องเย็นฯระงับ การร่วมลงทุน ตั้งแต่ 1 ต.ค.52 ซึ่งในขณะนั้นร้าน KO.ผักสด ไม่มีเงินค้างชําระส่งคืนแต่อย่างใด คงมีแต่เช็ค สั่งจ่ายล่วงหน้าที่ยังไม่ถึงกําหนด เมื่อถึงกําหนดเรียกเก็บนางอังคณาฯ ได้สั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็ค จึงทําให้ เกิดความเสียหายขึ้น

4.ข้อกล่าวหาของกองทัพเรือว่านาวาตรีหญิง วัชรี ผู้ร้องได้ปฏิบัติงานแทนหัวหน้า จึงมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบในความเสียหาย โดยอ้าง เอกสารหลักฐานใบขอรับในการเบิกเงิน เมื่อนาวาตรีหญิงวัชรี ผู้ร้อง โต้แย้งก็ไม่สามารถหาเอกสารมาแสดงได้ การที่ผู้ร้อง จะต้องทําหน้าที่แทนกรณีหัวหน้าไม่อยู่ก็จริง แต่ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่แทนในส่วนที่ดําเนินการค้าขาย ตามปกติมิได้เกิดความเสียหายใด ๆ แต่ในส่วนร่วมลงทุนผู้ร้องไม่เคยลงนามแทนหัวหน้าแต่อย่างใด จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

5. หลักเกณฑ์การปฏิบัติตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของ เจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ให้หน่วยงานอิสระในการใช้ดุลพินิจพิจารณาได้ แต่กองทัพเรือไม่อาจชี้แจงในส่วนที่เป็น ผลการพิจารณาของกระทรวงการคลังได้ ทั้งยังเอาเหตุผลของกระทรวงการคลังมาสนับสนุนดําเนินการเอาผิด ให้ผู้ปฏิบัติงานต้องรับผิดชดใช้เงิน ทําให้เห็นว่ากองทัพเรือ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ฟ้องเอาความผิดกับ ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาระดับล่างโดยไม่คํานึงถึงคุณธรรมและจริยธรรมผู้ที่ถูกกองทัพเรือออกคําสั่งทางปกครองให้ชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนมากเวลานี้ก็เกษียณอายุราชการแล้ว บางท่านก็เจ็บป่วย และมีครอบครัวที่ต้องดูแลจะเดือดร้อนแค่ไหนหากต้องชดใช้ให้ในสิ่งที่ถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม

6. ในคดีนี้กองทัพเรือออกคําสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายกับผู้ปฏิบัติงาน จํานวน 14 คน ผู้บริหารแค่ 2 คน นอกนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน เห็นได้ว่าผู้บริหารที่มีหน้าที่ควบคุมนโยบาย ชดใช้ค่าเสียหายน้อยกว่าผู้ปฏิบัติตามนโยบายของผู้บริหาร

7.ความเสียหายที่กองทัพเรือได้รับในกรณีนี้ ประจักษ์แล้วว่าเงินจํานวน 39,985,303 บาท ไม่ได้สูญหาย คงอยู่ที่นางอังคณาฯ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกองทัพเรือ ก็ต้องดําเนินการเรียกเก็บจากนางอังคณาฯ ตามที่ศาลฎีกาได้ตัดสินแล้ว ส่วนข้อกล่าวหาที่มีผู้ปฏิบัติงานได้รับ ผู้ร้องและพวกได้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณาให้ความเป็นธรรม และไม่อยากเป็นแพะรับบาปที่ไม่ได้ก่อ จึงต้องขอความเมตตาจากสื่อสารมวลชน ตีแผ่ความจริงให้ สังคมได้รับรู้และขอความเป็นธรรมด้วย

Paper22

เบื้องต้นสำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ ทางแอปพลิเคชั่นไลน์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ซึ่ง พล.ร.ท.ประชาชาติได้อ่านไลน์ดังกล่าว แล้วตอบกลับสั้นๆ ว่า สำหรับข้อมูลเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เก่ามาก

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า คดีนี้กองทัพเรือมีคำสั่งให้ข้าราชการ จำนวน 14 ราย ชดใช้ค่าเสียหาย ตามความเห็นของ กรมบัญชีกลาง เมื่อ 11 มี.ค.2556 ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่มที่ผู้กระทำโดยจงใจให้ทางราชการได้รับความเสียหาย 3 คน มี พล.ร.ต.ธงชัย ใจเย็น (ต่อมา พล.ร.ท.) ผู้จัดการกิจการห้องเย็น เดือน พ.ย.2548 ถึงวันที่ 30 ก.ย.50 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 20 ของความเสียหาย 39,979,317.15 บาท คิดเป็น 7,995,863.43 บาท ( ร้อยละ 20 ของความเสียหาย 39,979,317.15 บาท) พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ ผู้จัดการกิจการห้องเย็น ระหว่าง 1 ต.ค.50- 30 ก.ย.52 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 15,991,726.86 บาท น.ต.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ หัวหน้าฝ่ายจัดส่งเสบียง 15,991,726.86 บาท (สองคนหลังรับผิดชอบในอัตราร้อยละ 80 ของความเสียหายจำนวน 39,979,317.15 บาท คิดเป็นเงิน 31,983,453.72 บาท)

2.กลุ่มที่กระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จำนวน 8 คน ในจำนวนนี้คือ ร.อ.หญิง วัชรี ดาวกลาง (ยศขณะนั้น) ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายจัดส่งเสบียง 999,482.93 บาท (อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง: ขมวดคดีทุจริตห้องเย็น ทร. 39.9 ล. 5 ปียังเรียกเงินคืนไม่ได้ ‘นาย’รอด-ลูกน้องร่วง)

ส่วนการดำเนินเอาผิดทางวินัยและอาญา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อปี 2555 ตั้งอนุกรรมการไต่สวน พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ อดีตผู้จัดการห้องเย็นช่วงปี 2550-2552 และ น.ต.พุทธิวัฒน์ สุขะวรรณทัศน์ หัวหน้าฝ่ายจัดส่งเสบียง และเอกชน ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวน

อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง:

เปิดจดหมาย นายทหารเรือ สุดขมขื่น อยากจบชีวิตกับความเลวร้าย

ขมวดคดีทุจริตห้องเย็น ทร. 39.9 ล. 5 ปียังเรียกเงินคืนไม่ได้ ‘นาย’รอด-ลูกน้องร่วง

เปิดข้อต่อสู้คดีทุจริต 39.9 ล. ทร. น.ท.เล่าพาลูกไปบ้าน พล.ร.ท. ขอเทปลับ

พล.ร.ท.กุมเทปลับนาย! น.ท.- 9 ทหารยื่นอุทธรณ์คดีห้องเย็น ทร. 39.9 ล.

คำพิพากษา พล.ร.ต. ต้องชดใช้ 1.9 ล.คดีห้องเย็น ทร.เสียหาย 39.9 ล.

หนังสือ 'พล.ร.ต.' แย้งคำสั่ง ทร.ชดใช้ 15.9 ล. ซัด ‘นายสั่ง’-กก.เห็นชอบทุกเรื่อง

ทร.ยัน‘พล.ร.ต.สุรชัย’จำยอมชดใช้ 15.9 ล.คดีทุจริตห้องเย็น-หาช่องยึดทรัพย์

เผยชื่อครบ13 นายทหารฟ้องศาลเพิกถอนคำสั่ง ผบ.ทร.คดีทุจริตห้องเย็น39.9 ล.

คำพิพากษา พล.ร.ท.ไม่ต้องชดใช้ 7.9 ล. ทร.!ทำผิดระเบียบ-ได้เงินครบ-ไม่เสียหาย

ศาลปกครองเพิกถอน คำสั่ง ทร.! พล.ร.ท.ไม่ต้องชดใช้ 7.9 ล. คดีทุจริตห้องเย็น

เปิดชื่อ กก.ไต่สวน พล.ร.ต.-เมียนายพล ทุจริตห้องเย็น ทร.- พล.อ.อกนิษฐ์ ด้วย