“…แน่นอนว่ากระบวนการในชั้น ป.ป.ช. ที่ชี้มูลผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตเป็นกระบวนการชั้นต้น ยังเหลือในชั้นอัยการ และในชั้นศาลที่ต้องไปต่อสู้กันอีก แต่อย่างน้อยที่สุดการชี้มูลจาก ป.ป.ช. ถือเป็นการ ‘การันตี’ ระดับหนึ่งแล้วหรือไม่ว่า คดีดังกล่าวมีมูล ในเมื่อคดีดังกล่าวมีมูล แล้วทำไม พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง ‘บิ๊กรัฐบาล’ รายอื่น ๆ ที่พร่ำบอกเสมอว่า รัฐบาลนี้จะไม่ทนต่อการทุจริต จึงยัง ‘เพิกเฉย’ กับกรณีนายวิรัชอยู่ ?...”
“นอกจากตนเองจะไม่กระทำการทุจริตแล้ว จะต้องไม่อดทนต่อการทุจริตที่เกิดขึ้นในสังคมไทย คนไทยจะต้องก้าวข้ามค่านิยมอุปถัมภ์และความเพิกเฉยต่อการทุจริตประพฤติมิชอบ รวมทั้งแสดงเจตจำนงทางการเมืองที่ต้องการสร้างชาติที่สะอาดปราศจากการทุจริต ในส่วนของการขับเคลื่อนนโยบาย ต้องมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ขณะเดียวกัน กลไกการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ต้องได้รับความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นจากประชาชนว่าสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และประชาชนได้อย่างรวดเร็ว เป็นธรรม และเท่าเทียม”
คือคำยืนยันจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในงานประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านการคอร์รัปชั่น ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมา (อ่านประกอบ : วันต่อต้านคอร์รัปชัน นายกฯ ลั่นคนไทยต้องก้าวข้ามค่านิยมอุปถัมภ์ ไม่เพิกเฉยต่อทุจริต)
แต่การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง ‘บิ๊กรัฐบาล’ คนอื่น ๆ ดูท่าจะสวนทางกับคำพูดประกาศเจตนารมณ์ดังกล่าว ?
นับตั้งแต่ก่อตั้งรัฐบาลผสม พล.อ.ประยุทธ์ (2) กับพรรคร่วมรัฐบาลเกือบ 20 พรรค เสียงปริ่มน้ำในสภา เมื่อเดือน มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา มีหลายบุคคลที่เกี่ยวพันกับพรรคฝ่ายรัฐบาลถูกข้อครหาเรื่องความไม่โปร่งใสหลายครั้ง แต่ดูเหมือนเรื่องจะไม่ค่อยคืบหน้าเท่าที่ควร เช่น กรณีคุณสมบัติของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ รวมไปถึงกรณีการโอนหุ้นให้แก่คนใกล้ชิด กรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในการถือครอง ภ.บ.ท.5 และ ส.ป.ก. บุกรุกป่าจำนวน 46 ไร่เศษ นอกจากนี้ยังมีนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง อดีตข้าราชการ ถือครอง ภ.บ.ท.5-ส.ป.ก. อีกอย่างน้อย 41 รายที่อยู่ระหว่างรอการตรวจสอบ เป็นต้น
ตัดกลับมาช็อตล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวแจ้งสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 5 รายที่อยู่ร่วมประชุม (จากทั้งหมด 7 ราย) ชี้มูลความผิดนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กับพวก คดีทุจริตการจัดสรรงบประมาณเพื่อทำการก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษา จ.นครราชสีมา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพิ่มเติมอีก 6 สำนวน (อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ฟันซ้ำ‘วิรัช’อีก 6 คดีฟุตซอล ‘น้องชาย’อดีต ส.ส.ดังโดนด้วย-เจ้าตัวยันสู้ต่อ)
หากรวมกับก่อนหน้านี้นายวิรัช รัตนเศรษฐ นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (คู่สมรสนายวิรัช) และนางทัศนาพร เกษเมธีการุณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลห้วยแถลง จ.นครราชสีมา (น้องสาวนางทัศนียา ปัจจุบันเป็น ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ) เคยถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดไปแล้วในคดีฟุตซอลเดียวกัน และส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาส่งฟ้องศาลแล้ว
เท่ากับว่าหากนับแค่นายวิรัชคนเดียว ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดไปแล้วถึง 7 สำนวนในคดีนี้ !
(พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการคอร์รัปชั่น เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศไทย) 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา)
พฤติการณ์ภาพรวมคดีทุจริตจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลนั้น นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยแถลงไว้อย่างละเอียดยิบว่า ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งประกอบด้วยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการระดับสูง และกลุ่มเอกชน มีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตเชิงนโยบาย และเป็นตัวการร่วมกันในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ ตามบทบาทตามหน้าที่และอำนาจที่แต่ละคนมี และเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการกระทำความผิด โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเอกชนร่วมดำเนินการอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการโดยทุจริต เริ่มจากขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2555 (งบแปรญัตติ) ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอื่น รวมจำนวน 18 จังหวัด วงเงินประมาณ 4,459,420,000 บาท ใน 2 โครงการหลัก หนึ่งในนั้นคือ โครงการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอล รวมถึงมีการวางแผนในการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอีกหลายประการ เพื่อให้กลุ่มเอกชนที่เป็นพรรคพวกของตนเองได้เข้าเป็นคู่สัญญา และการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอลไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงตรงตามวัตถุประสงค์
ส่วนพฤติการณ์ของนายวิรัช กับพวก ป.ป.ช. ระบุไว้ในสำนวนว่า ในช่วงที่มีการจัดทำงบประมาณปีงบประมาณ 2555 นายวิรัช รัตนเศรษฐ และนางทัศนียา รัตนเศรษฐ (เมื่อครั้งเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย) และนางทัศนาพร เกษเมธีการุณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลห้วยแถลง ซึ่งเป็นน้องสาวนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ได้สั่งการให้พวกของตน เข้าไปประสานกับผู้อำนวยการโรงเรียนต่าง ๆ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2 เพื่อจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลให้ โดยเข้าไปครอบงำ บงการการใช้จ่ายงบประมาณในวงเงินดังกล่าวโดยปราศจากอำนาจตามกฎหมาย (อ่านประกอบ : ทุจริตเชิงนโยบาย!ป.ป.ช.แจงฟัน‘วิรัช-พวก’คดีฟุตซอลโคราช ‘แบ่งงานชัด-ให้พวกได้คู่สัญญา’)
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงาน ป.ป.ช. เคยเล่าเบื้องลึกเบื้องหลังคดีดังกล่าวให้สำนักข่าวอิศราฟังว่า หลังจากสภาผู้แทนราษฎรมีการแปรญัตติวงเงินงบประมาณเมื่อปี 2555 เพื่อนำงบเข้าสู่ สพฐ. นั้น มี ส.ส. บางราย ไปกว้านซื้อโควตางบแปรญัตติจาก ส.ส. รายอื่น วงเงินโควตาละ 5-20 ล้านบาท แล้วแต่พื้นที่ รวบรวมโควตาแปรญัตติให้มากที่สุด เพื่อไปดำเนินโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอล ตามแผนที่วางไว้แล้วกับข้าราชการในพื้นที่ และกลุ่มเอกชน (อ่านประกอบ : เบื้องหลังคดีฟุตซอล! ส.ส.ซื้อต่อโควตางบแปรญัตติวางแผนทุจริต-จ่อแจ้งข้อหา 2 คดีภาคเหนือ)
(นายวิรัช รัตนเศรษฐ เคยให้สัมภาษณ์จะฟ้อง ป.ป.ช. เพราะใช้หลักฐานเลื่อนลอยกล่าวหาตัวเอง, ภาพจาก Posttoday)
เมื่อพิจารณาจากสำนวนคดีนี้ในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ระดับ ‘ทุจริตเชิงนโยบาย’ รัฐเสียหายกว่า 4.4 พันล้านบาท มูลค่ามหาศาลไม่ต่างอะไรกับกรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทุจริต หรืออีกหลายคดีที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดไปก่อนหน้านี้
ที่สำคัญสถานะของนายวิรัช นอกเหนือจากเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐแล้ว ยังสวมหมวกอีกใบเป็นถึงประธานคณะกรรมการประสานงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาลหรือ ‘ประธานวิปรัฐบาล’ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างมากในทางการเมือง เพราะเป็นมือประสานสิบทิศ คอยควบคุมกำกับดูแล ส.ส.ซีกรัฐบาลให้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน
แต่ปัจจุบันนายวิรัชยังคงทำหน้าที่อยู่ในสภา โดยอ้างว่า จะขอต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม โดยมีกระแสข่าวว่า ‘บิ๊กรัฐบาล’ บางคนเคยสอบถามเรื่องนี้ แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากนายวิรัช ?
แน่นอนว่ากระบวนการในชั้น ป.ป.ช. ที่ชี้มูลผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตเป็นกระบวนการชั้นต้น ยังเหลือในชั้นอัยการ และในชั้นศาลที่ต้องไปต่อสู้กันอีก แต่อย่างน้อยที่สุดการชี้มูลจาก ป.ป.ช. ถือเป็นการ ‘การันตี’ ระดับหนึ่งแล้วหรือไม่ว่า คดีดังกล่าวมีมูล
ในเมื่อคดีดังกล่าวมีมูล แล้วทำไม พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง ‘บิ๊กรัฐบาล’ รายอื่น ๆ ที่พร่ำบอกเสมอว่า รัฐบาลนี้จะไม่ทนต่อการทุจริต จึงยัง ‘เพิกเฉย’ กับกรณีนายวิรัชอยู่ ?
หากเทียบกับหลาย ๆ ประเทศที่เจริญแล้วและเป็นประชาธิปไตยเต็มที่ เช่น ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ นักการเมืองประเทศเหล่านี้ หากเจอเรื่องฉาวโฉ่ หรือถูกกล่าวหาว่าทุจริต จะลาออก หรืออย่างน้อยที่สุดพรรคการเมืองต้นสังกัดต้อง ‘บีบ’ ให้ลาออก และก้มหน้าขอโทษสาธารณชนในทันที
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาว่า ตกลงแล้วรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เอาจริงเอาจังกับการต่อต้านการคอร์รัปชั่นมากน้อยเพียงใด
เพราะเมื่อท่านพูดเราจะฟัง เมื่อท่านลงมือทำเราถึงจะเชื่อ !
อ่านประกอบ :
ป.ป.ช.ฟันซ้ำ‘วิรัช’อีก 6 คดีฟุตซอล ‘น้องชาย’อดีต ส.ส.ดังโดนด้วย-เจ้าตัวยันสู้ต่อ
อนุฯ ป.ป.ช.สรุปสำนวนคดีฟุตซอล 7 จว. ภาคเหนือแล้ว รอชงที่ประชุม กก.ลงมติ
เบื้องหลังคดีฟุตซอล! ส.ส.ซื้อต่อโควตางบแปรญัตติวางแผนทุจริต-จ่อแจ้งข้อหา 2 คดีภาคเหนือ
ทุจริตเชิงนโยบาย!ป.ป.ช.แจงฟัน‘วิรัช-พวก’คดีฟุตซอลโคราช ‘แบ่งงานชัด-ให้พวกได้คู่สัญญา’
‘วิรัช’ทำหนังสือขอความเป็นธรรม ป.ป.ช. หลังชี้มูล 3 ส.ส.พปชร.คดีสนามฟุตซอล
'วิรัช'เผยว่าไปตามกระบวนการ! หลัง ป.ป.ช.ชี้มูล 3 ส.ส.พปชร.คดีสนามฟุตซอลเขต 2 โคราช
ป.ป.ช.เชือด 3 ส.ส.พปชร.-มี ‘บิ๊ก’ด้วย! คดีสนามฟุตซอล เขตพื้นที่การศึกษา 2 โคราช
ย้อนรอยคดีทุจริตสนามฟุตซอลสพฐ.ก่อนป.ป.ช.รูดม่านปิดสำนวนเชือด'ส.ส.-บิ๊กขรก.-ครูนับร้อย'
รวม 15 สำนวน! คดีสร้างสนามฟุตซอลฉาวภาคเหนือ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาอีก 2 ราย
จำแนก5กลุ่ม ครูเอี่ยวนับร้อย'ส.ส.-บิ๊กสพฐ.'โดนด้วย! ป.ป.ช.จ่อฟันคดีทุจริตส.ฟุตซอลทั่วปท.
'ยี-พวก' โดนแล้ว! สพฐ.สั่งผอ.เขตโคราช ดำเนินคดีสร้างสนามฟุตซอลร.ร.16แห่งรวด
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/