"....เมื่อตรวจสอบข้อมูลในสูจิบัตรดังกล่าว พบว่า ในรายละเอียดงานของศิลปินรายที่ถูกระงับการฉายไป มีจำนวน 2 หน้า จากสูจิบัตรทั้งหมด 292 หน้า โดยมีรายละเอียดข้อความในหน้าแรกระบุว่า“หนังสั้นที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักถ่ายภาพ .... เรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของการค้าประเวณีเด็กที่แฝงตัวอยู่ภายในระบบ โดยเป็นการเล่าเรื่องราวในรูปแบบการสารภาพและเปิดโปงความจริงอันโหดร้ายผ่านเลนส์กล้อง และแสดงให้เห็นถึงความดิ้นรน ความกล้าหาญ และสัญชาตญาณการอยู่รอดของมนุษย์” ...ส่วนหน้าต่อมานั้น เป็นภาพตัวอย่างงาน จำนวน 2 ภาพ ซึ่งเป็นภาพใบหน้าเด็กชาย 2 คน ที่ไม่มีการปิดบังใบหน้าอีกเช่นกัน..."
หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ได้หยุดฉายวิดีโอของศิลปินรายหนึ่งไปแล้ว หลังถูกร้องเรียนถึงความไม่เหมาะสม ในการเปิดเผยใบหน้าเด็กชายขายบริการทางเพศแบบไม่มีการปิดบังใบหน้า
ดูเหมือนจะเป็นบทสรุปต่อกรณีเว็บไซต์ www.thirdworldtoday.com เผยแพร่บทความชื่อ “หอศิลป์ BACC แสดงงานโสเภณีเด็กแบบไม่ปิดหน้าคาดตา และเราคิดว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง” เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมา มีเนื้อหาสาระสำคัญว่า ขณะนี้ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือ BACC จัดแสดงผลงานวิดีโอของ ศิลปินรายหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ นิทรรศการสนทนาสัปตสนธิ 2 ในชื่อ “Underage (ผู้เยาว์)” ความยาว 7.07 นาที
โดยเนื้อหาบางส่วนในวีดีโอเป็นบทสัมภาษณ์เด็กชายขายบริการทางเพศบริเวณวังสราญรมณ์ ประมาณ 10 คน อายุระหว่าง 13-17 ปี โดยไม่มีการปิดบังใบหน้า รวมทั้งมีการระบุชื่อและนามสกุล วันเดือนปีเกิด ของเด็ก และอาชีพของพ่อแม่ รวมทั้งรายละเอียดว่า ขายบริการมาแล้วกี่ครั้ง
ขณะที่ อัยการเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเด็กและเยาวชนรายหนึ่ง ยืนยันสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า การแสดงเปิดเผยใบหน้าและข้อมูลในงานดังกล่าว ถือว่าเจ้าของผลงานทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 27 หากหอศิลป์ฯ ยังดำเนินการจัดแสดงอยู่จะผิดกฎหมายด้วย (อ่านประกอบ : อัยการชี้หอศิลป์ฯ กทม. เผยใบหน้า-ชื่อ เด็กในหนังค้าประเวณี ผิดกม.-จนท.แจงหยุดฉายแล้ว)
สำนักข่าวอิศรา ยังให้ความสำคัญติดตามประเด็นนี้ต่อไปว่า หลังจากมีการระงับฉายหนังสั้นเรื่องดังกล่าวแล้ว บทสรุปจริงๆ ของเรื่องนี้เป็นอย่างไร ? ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อกรณีนี้?
ล่าสุด สำนักข่าวอิศราได้รับการเปิดเผยความคืบหน้ากรณีดังกล่าวจากเจ้าหน้าที่หอศิลป์ฯ ว่า “ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ในที่ประชุมคณะกรรมการหอศิลป์ฯ ซึ่งจะมีการชี้แจงรายละเอียดให้สื่อมวลชนได้ทราบภายในสัปดาห์นี้ ”
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า นิทรรศการสนทนาสัปตสนธิ 2 ดังกล่าว ให้ดาวน์โหลดไฟล์ (pdf) สูจิบัตรซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับนิทรรศการ บนเว็บไซต์ www.bacc.or.th ของหอศิลป์ฯ ด้วย
เมื่อตรวจสอบข้อมูลสูจิบัตรดังกล่าว พบว่า ในรายละเอียดงานของศิลปินรายที่ถูกระงับการฉายไป มีจำนวน 2 หน้า จากสูจิบัตรทั้งหมด 292 หน้า โดยมีรายละเอียดข้อความในหน้าแรกระบุว่า“หนังสั้นที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักถ่ายภาพ .... เรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของการค้าประเวณีเด็กที่แฝงตัวอยู่ภายในระบบ โดยเป็นการเล่าเรื่องราวในรูปแบบการสารภาพและเปิดโปงความจริงอันโหดร้ายผ่านเลนส์กล้อง และแสดงให้เห็นถึงความดิ้นรน ความกล้าหาญ และสัญชาตญาณการอยู่รอดของมนุษย์”
ส่วนหน้าต่อมานั้น เป็นภาพตัวอย่างงาน จำนวน 2 ภาพ ซึ่งเป็นภาพใบหน้าเด็กชาย 2 คน ที่ไม่มีการปิดบังใบหน้าอีกเช่นกัน (ดูรูปภาพประกอบ/ปิดใบหน้าโดยสำนักข่าวอิศรา)
เบื้องต้น สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่หอศิลป์ฯ ว่า สูจิบัตรดังกล่าวยังเผยแพร่อยู่ โดยสามารถดาวน์โหลดฟรีได้ในเว็บไซต์หอศิลป์ฯ และขายฉบับพิมพ์เป็นเล่มในราคา 990 บาท
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การเปิดเผยใบหน้าเด็กชาย ซึ่งปรากฏในสูจิบัตรนิทรรศการฯ นั้น จะเข้าข่ายผิดกฎหมายด้วยหรือไม่ เนื่องจากตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 27 ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศประเภทใด ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กหรือผู้ปกครอง โดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็กหรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ”
ดังนั้น คำถามที่ยังคงต้องมีอยู่ต่อไป เพื่อทำให้การบังคับใช้กฎหมายกรณีนี้ มีความชัดเจนในทางปฎิบัติ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยขึ้นมาได้อีก
หอศิลป์ฯ จะดำเนินการอย่างไรต่อกรณีการเผยแพร่สูจิบัตร ที่ให้ทั้งดาวน์โหลดฟรีและจำหน่ายเป็นฉบับพิมพ์เล่มดังกล่าว
และในแง่มุมความรับผิดชอบทางกฎหมาย ระหว่าง หอศิลป์ฯ เจ้าของสถานที่จัดแสดงเผยแพร่ผลงาน หรือ ตัวศิลปิน ผู้ผลิตผลงาน
ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบกันบ้าง?
อ่านประกอบ :
อัยการชี้หอศิลป์ฯ กทม. เผยใบหน้า-ชื่อ เด็กในหนังค้าประเวณี ผิดกม.-จนท.แจงหยุดฉายแล้ว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/