"...ท่ามกลางความตระหนกและเสียใจของประชาชนในพื้นที่ และข่าวโซเชียลมีเดีย จึงขอเรียนมายังผู้มีอำนาจต่อหน่วยงานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถึงความไม่ชอบมาพากลในการใช้อำนาจเพื่อตัดต้นไม้ใหญ่อายุกว่าร้อยปีที่มีมูลค่าสูง และมีคุณค่าทางจิตใจต่อประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เป็นต้นแบบและบรรทัดฐานในการบังคับใช้กฎหมายลักษณะนี้กับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป..."
"ผมคิดว่าเรื่องค่าภาคหลวงไม่น่าจะเป็นประเด็นใหญ่ เพราะมูลค่ามันน้อยมาก แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ อยู่ที่สภาพไม้มากกว่า ว่าไม้ที่ตัดออกไปมันอยู่ในสภาพยืนตาย ผุพัง หรือยังสมบูรณ์ดี ตามที่มีการรายงานผลเข้ามาหรือไม่ ถ้ายังอยู่ในสภาพดี แล้วรายงานว่ายืนตายทำไม เป็นความจงใจหรือเป็นความผิดพลาดสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ อันนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่จะต้องเข้าไปดูไปหาคำตอบกัน"
"ส่วนการระบุชนิดไม้ผิด รายงานต้นไม้ที่ตัดมาเป็นไม้แซะ แต่ไปตัดไม้ยางนาที่มีราคาสูงกว่า จะมีเจตนาจงเอื้อประโยชน์ใครหรือไม่ คงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนที่จะเข้าไปสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป เพราะได้มอบหมายภารกิจให้ไปแล้ว"
คือ คำชี้แจงล่าสุด ที่ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ให้ไว้ต่อ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เกี่ยวกับรายละเอียดการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ท้ายเหมือง จ.พังงา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ระบุชนิดต้นไม้ในรายงานขอโค่นล้ม ริมถนนทางหลวงหมายเลข 402 ตอนโคกลอย - หมากปรก อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เป็นต้นไม้แซะ จำนวน 11 ต้น แต่กลับไปตัดโค่นต้นไม้ยางนายักษ์แทน พร้อมกำหนดกรอบระยะเวลาการทำงานไว้ 15 วัน ตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ : มุ่งสางปมทำรายงานเท็จ! อธิบดีป่าไม้แจงคำสั่งสอบโค่นยางยักษ์ 11 ต้น-ออป.รีบย้ายของกลางได้)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวตสอบรายละเอียดการลงนามคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว พบว่า นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ออกคำสั่ง กรมป่าไม้ ที่ 4000/2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา
ระบุว่า อาศัยอำนาจพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 32 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ประกอบด้วยบุคคล 3 ราย ต่อไปนี้
1. นายเฉลิมเกียรติ สุดสาคร นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านเฉพาะด้านจัดการและควบคุมป่าไม้ สำนักป้องกันรักษาและควบคุมไฟป่า เป็นประธานกรรมการ
2. นายจรัส ช่วยนะ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ ช่วยปฏิบัติราชการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ เป็นกรรมการ
3. นายวนวัฒน์ แก้วกำเนิด นิติกร (พร.) สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า นายวนวัฒน์ แก้วกำเนิด นิติกร (พร.) กรรมการและเลขานุการ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า เป็นกรรมการและเลขานุการ
โดยให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงว่ากรณีดังกล่าวเป็นอย่างไร มีเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใดเกี่ยวข้อง และมีพฤติการณ์อันมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยหรือไม่ และให้คณะกรรมกรสืบสวนข้อเท็จจริง มีอำนาจเชิญเจ้าหน้าที่มาให้ถ้อยคำหรือขอ้มูลหรือมอบเอกสารให้ตรวจสอบ แล้วรีบรายงานผลการสืบสวน ความเห็น พร้อมเอกสารหลักฐาน ให้กรมป่าไม้ทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ประธานกรรมการรับทราบคำสั่ง
ทั้งนี้ ในคำสั่งดังกล่าว ระบุเหตุผลในการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงชุด นี้ว่าตามที่กรมป่าไม้ ได้ออกใบอนุญาตทำไม้หวงห้ามธรรมดา นอกจากไม้สักในป่า ชนิดไม้แซะ จำนวน 11 ต้น ให้แก่ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ตามใบอนุญาตทำไม้หวงห้ามธรรมดานอกจากไม้สักในป่า (อนุญาต 2) เล่มที่ 04 ลำดับที่ 09 ฉบับลงวันที่ 28 ส.ค. 2562 โดยวิธีโค่นต้นไม้ยืนต้นตายในเขตทางหลวงหมายเลข 402 ตอนโคกลอย-หมากปรก ระหว่าง กม.5+075 ถึง กม.5+250 ท้องที่ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา แต่จากรายงานสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ พบว่า องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เขตสุราษฎร์ธานี ได้ทำการโค่นล้มไม้เสร็จสิ้นแล้ว แต่เป็นชนิดไม้ยางนา จำนวน 11 ต้น (ไม้ยืนต้นตาย จำนวน 4 ต้น ต้นไม้ที่กำลังจะยืนต้นตาย จำนวน 6 ต้น และต้นไม่ที่มีสภาพสมบูรณ์ จำนวน 1 ต้น) ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ตรงกัน (ดูคำสั่งประกอบ)
ส่วนความเคลื่อนไหวการตรวจสอบส่วนอื่นนั้น มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2562 นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ สส.พังงา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดแถลงข่าวที่รัฐสภา ถึงการเข้ายื่นจดหมายต่อ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกำกับดูแลกรมทางหลวง และรัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะกำกับดูแลองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เพื่อเร่งรัดการสอบสวน กรณีการตัดโค่นไม้ยางนาอายุร้อยปีโดยมิชอบดังกล่าว
เนื้อหาในจดหมายระบุว่า จากการแถลงนโยบายหลัก 12 ด้านของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุไว้ว่า “รัฐบาลจะฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน” นั้น
ตามที่ปรากฎข่าวการตัดต้นไม้ใหญ่ร้อยปี บริเวณทางหลวงหมายเลข 402 กม.5 ซึ่งเป็นเส้นทางรับผิดชอบของหมวดทางหลวงถลาง แขวงทางหลวงภูเก็ต กระทรวงคมนาคม จากข้อเท็จจริงพบว่า มีต้นไม้ใหญ่ทั้งหมด 11 ต้น เป็นต้นที่ตายแล้วจำเป็นต้องตัดตามข้อร้องเรียนของประชาชนเรื่องกิ่งไม้ตกเพียง 3 ต้นทางเลนด้านขวา ส่วนอีก 8 ต้นด้านซ้ายของถนนยังอยู่ในสภาพดีมาก กลับมีการตัดต้นไม้ใหญ่ที่ว่านี้ทั้งหมด 11 ต้นโดยหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีส่วนเกี่ยวข้อง
นอกจากประเด็นการตัดไม้ใหญ่ทั้งสภาพดีและยืนต้นตายปะปะกันแล้วยังพบข้อเท็จจริงอีกว่า ไม้ที่ทำการโค่นเป็น “ไม้ยางนา” ที่มีอายุกว่าร้อยปี ไม่ใช่ “ต้นแซะ” อย่างที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ระบุไว้ในเอกสารรับทำไม้ ซึ่งกรณีนี้เข้าใจว่าอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีการเร่งสอบข้อเท็จจริงแล้ว
ในฐานะตัวแทนชาวพังงาขอให้ช่วยมีการเร่งรัดตรวจสอบโดยเร็ว
ท่ามกลางความตระหนกและเสียใจของประชาชนในพื้นที่ และข่าวโซเชียลมีเดีย จึงขอเรียนมายังผู้มีอำนาจต่อหน่วยงานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถึงความไม่ชอบมาพากลในการใช้อำนาจเพื่อตัดต้นไม้ใหญ่อายุกว่าร้อยปีที่มีมูลค่าสูง และมีคุณค่าทางจิตใจต่อประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เป็นต้นแบบและบรรทัดฐานในการบังคับใช้กฎหมายลักษณะนี้กับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนชาวพังงาขอทวงคืนไม้ยางนาร้อยปีที่ถูกตัดไปแล้วให้กลับมาเป็นสมบัติของท้องถิ่นแทนที่หน่วยงานราชการจะนำไปใช้โดยไม่ชอบธรรม (ดูรูปประกอบ)
อ่านประกอบ :
แฉรายงานไม่ตรงข้อเท็จจริง! อธิบดีกรมป่าไม้ สั่งสอบด่วน จนท.ปิดถนนโค่นไม้ยางพังงา
กรณีโค่นยางยักษ์พังงา! อัยการชี้หากทำรายงานเท็จโทษเพียบ-คนในป่าไม้ ตั้งปมเอื้อค่าภาคหลวง
อธิบดีป่าไม้ ขีดเส้น15วัน สางปมลักไก่โค่นไม้ยางยักษ์พังงา- จี้ ออป.แจงจ้างลูกช่วงตัดแทน
เพจต้านทุจริตใต้โชว์คลิปมัด โค่นยางยักษ์สภาพดีเพียบ! ไฉนรายงานอธิบดีป่าไม้ สมบูรณ์ต้นเดียว
เปิดชื่อ4ตัวแทน สำรวจไม้แซะ ก่อนโค่นยางยักษ์11ต้น! แจงเหตุจนท.ดูชนิดไม้ผิด-ปัดเอื้อปย.ใคร
กรณีโค่นยางยักษ์พังงา! อัยการชี้หากทำรายงานเท็จโทษเพียบ-คนในป่าไม้ ตั้งปมเอื้อค่าภาคหลวง
มุ่งสางปมทำรายงานเท็จ! อธิบดีป่าไม้แจงคำสั่งสอบโค่นยางยักษ์ 11 ต้น-ออป.รีบย้ายของกลางได้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/