"...แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาโดยรอบคอบว่า บุคคลนั้นมีความประพฤติดี มีความอุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริต เอาใจใส่ต่อหน้าที่อย่างดียิ่ง และผู้ปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงานซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นประโยชน์ต่อราขการหรือสาธารณชนจนถึงขนาดสมควรได้รับการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเป็นผู้มีทัศนคติที่ดีและจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันหลักของชาติ มิใช่พิจารณาแต่เพียงตำแหน่ง ระดับ ชั้น หรือครบกำหนดระยะเวลาที่จะขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้เท่านั้น รวมทั้งการเสนอขอพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลาต้องรับราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 25 ปี ..."
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้ทำหนังสือแจ้งถึง ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด เพื่อดำเนินการการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลา ประจำปี 2563 ระบุว่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกฎไทย พ.ศ. 2536 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552 ข้อ 17 ได้กำหนดให้กระทวง ทบวง กรม รวบรวมและตรวจสอบคุณสมบัติของบุคคลในสังกัดที่สมควรเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาเพื่อให้การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรดิมาลา ประจำปื 2563 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สถ. จึงขอแจ้งจังหวัดเพื่อดำเนินการตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0202.5/ว 5680 ลงวันที่ 25 กันยายน 2562 ดังนี้
1. แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาโดยรอบคอบว่าบุคคลนั้นมีความประพฤติดี มีความอุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริต เอาใจใส่ต่อหน้าที่อย่างดียิ่ง และผู้ปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงานซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นประโยชน์ต่อราขการหรือสาธารณชนจนถึงขนาดสมควรได้รับการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเป็นผู้มีทัศนคติที่ดีและจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันหลักของชาติ มิใช่พิจารณาแต่เพียงตำแหน่ง ระดับ ชั้น หรือครบกำหนดระยะเวลาที่จะขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้เท่านั้น รวมทั้งการเสนอขอพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลาต้องรับราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 25 ปี ซึ่งจะต้องพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอขอพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา ดังนี้
1.1) กรณีกระทำผิดทางวินัยแต่ได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ ข้าราชการผู้นั้นจึงยังมีความผิด เพียงแต่ให้ถือว่าบุคคลนั้นมิได้เคยถูกลงโทษมาก่อน เมื่อยังมีความผิดติดอยู่จึงถือไม่ได้ว่าเป็นบุคคลที่ได้รับราชการมาด้วยความเรียบร้อย
1.2) กรณีข้าราชการอยู่ระหว่างถูกตั้งกรรมการสอบวินัยจะต้องผ่านชั้นตอนการสืบสวนแล้วว่ามีมูลความผิด แม้จะยังไม่ได้ยุติว่าได้กระทำความผิดจริง แต่ก็ยังไม่เป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นผู้รับราชการมาด้วยความเรียบร้อย จึงยังไม่มีคุณสมบัติที่เสนอขอพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา สมควรให้ชะลอไว้ก่อนเพื่อพิจารณาเมื่อผลการสอบสวนวินัยยุติแล้วว่ามิได้กระทำความผิด ซึ่งมิได้เป็นการตัดสิทธิในการเสนอขอพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลาแต่อย่างใด
1.3) กรณีข้าราชการถูกสอบสวนวินัยแล้ว แต่ได้รับการงดโทษทางวินัยโดยให้ว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ย่อมไม่อาจถือได้ว่าข้าราชการผู้นั้นรับราชการมาด้วยความเรียบร้อย และไม่อยู่ในเกณฑ์เสนอขอพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลาแต่อย่างใด
2. การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นกรณีพิเศษให้พิจารณาอย่างเคร่งครัดและรอบคอบว่า บุคคลนั้นเป็นผู้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ พ.ศ. 2536 ข้อ 11 (3) และมิให้ขอพระราชทานเป็นกรณีพิเศษแเก่บุคคลในสังกัดที่ขาดระยะเวลาการเลื่อนชั้นตราเกินกว่า 1 ปี ยกเว้นกรณีที่มีเหตุผลสมควรอย่างแท้จริงเท่านั้น โดยให้จัดทำแบบรายงานความดีความชอบ (แบบกรณีพิเศษ/37) สรุปผลงานที่สำคัญว่าได้ปฏิบัติงาน ที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างไร มีสถิติตัวเลขตัวชี้วัดในเชิงผลลัพธ์ที่ชัดเจน พร้อมทั้งสรุปรายงานความดีความชอบตามแบบที่แนบมาพร้อมนี้
3. ให้จังหวัดจัดทำและรวบรวมเอกสารประกอบการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลาของข้าราชการส่วนท้องถิ่น ลูกจ้างประจำ สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานตามฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น โดยให้ดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติตามหนังสือสำนักเลขาริการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0508/ว(ท) 3354 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 โดยรวบรวมส่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ภายในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะถือว่าไม่ประสงค์จะขอพระราชทานฯ และให้ทำหนังสือชี้แจงถึงกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นทราบด้วย
4. ให้ตรวจสอบผู้เสนอขอพระราชทานฯ ว่าเป็นผู้เคยมีพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และหากภายหลังทราบว่าผู้ที่ได้รับการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แล้วนั้น เป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติในการเสนอขอพระราชทานๆ เนื่องจากได้ถึงแก่กรรมลาออก หรือพ้นจากราชการเว้นแต่กรณีเกษียณอายุราชการ หรือเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและถูกตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว หรือกระทำความผิดทางอาญาและอยู่ระหว่างสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรืออยู่ระหว่างการดำเนินคดีอาญาในศาล แม้คดียังไม่ถึงที่สุด เว้นแต่ความผิดลหุโทษที่มีโทษปรับสถานเดียว ให้รายงานพฤติกรรมให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นทราบโดยด่วน พร้อมส่งเอกสารหรือหลักฐานประกอบ
5. แจ้งกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยากรณ์ให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ด้วยความละเอียด รอบคอบ และถูกต้องตามแนวทางหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของระเบียบว่าด้วยการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ประจำปี ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่มท 0202.5/ว 1650 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2560
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา (ดูเอกสารรายละเอียดประกอบ)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/