เทียบชัดๆ เทคโนโลยี 'Image Perforation VS. Window Lock' กับข้อสังเกต อี-พาสปอร์ต7.4พันล.

"...การที่ผู้ชนะการเสนอราคาเป็นเพียงผู้ยื่นข้อเสนอรายเดียวที่ไม่เสนอเทคโนโลยี Image Perforation ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าการตัดคุณสมบัติเทคโนโลยี Image Perforation ออก เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ยื่นข้อเสนอราคาเพียงรายใดรายหนึ่งให้สามารถใช้เทคโนโลยีซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของตัวเองได้ และก่อให้เกิดความได้เปรียบในด้านต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ประมูลรายอื่นหรือไม่..."

picidididididididididdd7 5 19

ยังคงเป็นประเด็นสำคัญใหญ่ ที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน!

สำหรับผลการประกวดราคาจ้างผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 3 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ของกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 15 ล้านเล่ม ที่กิจการร่วมค้า DGM Consortium เป็นผู้ชนะ ในวงเงิน 7.4 พันล้าน

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้นำเสนอผลการให้คะแนน และราคา ที่กิจการร่วมค้า 4 กลุ่ม คือ กิจการร่วมค้า จันวาณิชย์ (บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด และบริษัท จันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้ พริ้นท์ติ้ง จำกัด) กิจการร่วมค้า TIM (บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด, IDEMIA (ฝรั่งเศส) MSC และ CP) กิจการร่วมค้า WIN (สามารถ, ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์, MSCS, Dermalug (เยอรมัน) และ กิจการร่วมค้า DGM Consortium เสนอต่อกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งพบว่า กิจการร่วมค้า DGM Consortium เฉือนชนะ จันวาณิชย์ 0.6 คะแนน แต่เสนอราคาสูงกว่า 466 ล้านบาท ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอ้างว่าเงื่อนไขในการประมูลให้น้ำหนักที่ประสิทธิภาพ 60% แต่ให้น้ำหนักในด้านราคาเพียง 40% เท่านั้น ให้สาธารณชนได้รับทราบ

ล่าสุด มีผู้ส่งข้อมูลเปรียบเทียบเทคโนโลยี Window Lock ซึ่งเป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่ และเทคโนโลยี Image Perforation มาให้สำนักข่าวอิศรา รับทราบ เพื่อยืนยันข้อมูลของกลุ่มกิจการร่วมค้า จันวาณิชย์ (บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด และบริษัท จันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้ พริ้นท์ติ้ง จำกัด) และกลุ่มบริษัทฯผู้เข้าเสนอราคา อีก 2 ราย คือ กิจการร่วมค้า TIM (บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด, IDEMIA (ฝรั่งเศส) MSC และ CP) และ กิจการร่วมค้า WIN (สามารถ, ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์, MSCS และ Dermalug (เยอรมัน) ที่ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์โต้แย้งข้อมูลการจัดประกวดราคาหนังสือเดินทางรุ่นใหม่ จำนวน 15 ล้านเล่ม วงเงิน 7.4 พันล้านบาท ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า

"....กระทรวงการต่างประเทศได้ให้ความสำคัญกับคุณลักษณะความปลอดภัยของหนังสือเดินทางมาโดยตลอด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือเดินทางรุ่นใหม่ที่ได้เพิ่มการจัดเก็บข้อมูลชีวมาตรเพิ่มขึ้นจากเดิมโดยจะมีการจัดเก็บม่านตา (iris) เพิ่มขึ้นจากการจัดเก็บเพียงใบหน้าและลายนิ้วมือ ซึ่งข้อมูลชีวมาตรดังกล่าวเป็นคุณลักษณะความปลอดภัยสำคัญสูงสุดในการป้องกันการปลอมแปลงหนังสือเดินทาง จึงเห็นได้ว่า หนังสือเดินทางรุ่นใหม่ของไทยมีมาตรฐานสูงกว่าที่ ICAO กำหนด และปลอมแปลงได้ยากกว่าเดิม ข้อกล่าวอ้างว่าได้มีการลดสเป๊กความปลอดภัยของหนังสือเดินทางจึงคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง

ทั้งนี้ ขอเรียนว่า TOR ของโครงการนี้ได้กำหนดคุณลักษณะให้เปิดกว้างรับเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้อยู่เดิม หรือเทคโนโลยีใหม่ แต่ที่สำคัญรูปแบบด้านความปลอดภัยต้องเทียบเท่าหรือดีกว่าของเดิม

จากที่กระทรวงได้ตอบมาข้างต้น มีข้อสงสัยว่า “...เทคโนโลยีที่ใช้อยู่เดิม หรือเทคโนโลยีใหม่ แต่ที่สำคัญรูปแบบด้านความปลอดภัยต้องเทียบเท่าหรือดีกว่าของเดิม...” ซึ่งในปัจจุบัน เทคโนโลยีดังกล่าวมีเพียงเทคโนโลยีเดียวคือ เทคโนโลยี Window Lock ซึ่งเป็นเทคโนโลยีถูกจดทรัพย์สินทางปัญญาด้วยบริษัทที่เป็นบริษัทลูกของผู้ชนะการประมูล ที่น่าสนใจคือการที่ผู้ชนะการเสนอราคาเป็นเพียงผู้ยื่นข้อเสนอรายเดียวที่ไม่เสนอเทคโนโลยี Image Perforation ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าการตัดคุณสมบัติเทคโนโลยี Image Perforation ออก เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ยื่นข้อเสนอราคาเพียงรายใดรายหนึ่งให้สามารถใช้เทคโนโลยีซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของตัวเองได้ และก่อให้เกิดความได้เปรียบในด้านต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ประมูลรายอื่นมาก..." (อ่านประกอบ:เปิดคำชี้แจง 3 กลุ่มเอกชน โต้บัวแก้วจัดซื้ออี-พาสปอร์ต 15 ล้านเล่ม 7.4 พันล.)

สำหรับข้อมูลการ เปรียบเทียบเทคโนโลยี Window Lock ซึ่งเป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่และเทคโนโลยี Image Perforation ในการทำหนังสือเดินทางที่ใช้เทคโนโลยีทั้ง 2 ระบบ โดยมีความแตกต่างดังต่อไปนี้

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ มีการระบุข้อมูลว่า หนังสือเดินทางไทยในปัจจุบันใช้เทคโนโลยี Image Perforation มาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้มานานกว่า 20 ปีแล้ว และในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาที่สมควรได้รับการพิจารณาด้วย โดยปัจจุบันมีหลายประเทศหันมาใช้เทคโนโลยีที่ผู้ยืนข้อเสนอที่ชนะการประมูลครั้งนี้จะนำมาใช้ในการสร้างภาพเสมือนจริงด้วยเลเซอร์แล้ว รวมทั้งฟินแลนด์ เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น

ประเด็นที่น่าสนใจคือ การที่กระทรวงการต่างประเทศเลือกที่จะกำหนดคำนิยามไว้อย่างกว้าง เพื่อไม่เป็นการชี้นำหรือสนับสนุนเทคโนโลยีของผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะจนเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างมีนัยยะสำคัญ

อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับความเห็นในส่วนของกิจการร่วมค้า DGM Consortium นั้น สำนักข่าวอิศรา ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหารให้ชี้แจงข้อมูลการประกวดราคาหนังสือเดินทางรุ่นใหม่ จำนวน 15 ล้านเล่ม วงเงิน 7.4 พันล้านบาท มาแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบรับ

จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2562 ที่ผ่านมา กิจการร่วมค้า DGM Consortium ได้ส่งแถลงการณ์ชี้แจงการเข้าร่วมประกวดรราคางานจ้างผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 3 มาให้สำนักข่าวอิศรา รับทราบ

ระบุว่า "กลุ่มบริษัท DGM Consortium เคารพกระบวนการประมูลงานและเกณฑ์มาตรฐานการประเมินของรัฐบาลไทยสำหรับโครงการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Passport) เราจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ในเชิงเปรียบเทียบเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยของหนังสือเดินทางไทยที่มีอยู่"

"อย่างไรก็ตาม เราสามารถกล่าวได้ว่ากลุ่มบริษัท DGM Consortium ได้รวม Gemalto (บริษัทในเครือของ Thales) ซึ่งทั้งคู่เป็นซัพพลายเออร์หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ประเภทเทคโนโลยีขั้นสูงและมีความปลอดภัยสูงให้กับนานาประเทศทั่วโลก Gemalto (บริษัทในเครือ Thales) มีประสบการณ์กว่า 100 ปีในด้านการรักษาความปลอดภัยในการพิมพ์ และประสบการณ์ 30 ปีในด้านการพัฒนา การยืนยัน การเจาะจงตัวตน โซลูชันการออกคำสั่งและบริการซอฟท์แวร์แบบฝัง และมีประสบการณ์กว่า 20 ปี ในด้านการผลิตโพลีคาร์บอเนตดาต้าเพจ ในปัจจุบันกลุ่มบริษัทนี้ให้บริการโปรแกรมหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์กว่า 30 โปรแกรมกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งประกอบไปด้วยฟินแลนด์ สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา"

"หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ของเราเป็นไปตามข้อกำหนดที่เข้มงวดของ ICAO (International Civil Aviation Organization) สำหรับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว และในหลายๆ กรณีผลิตภัณฑ์ของเรามีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ ICAO กำหนด ซึ่งเป็นการมอบระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่าสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศและเอกสารระบุตัวตน เรามีความประสงค์ที่จะแสดงการยืนยันต่อประชาชนไทยว่ากลุ่มบริษัท DGM Consortium ได้รับการรับรองจากรัฐบาลไทยสำหรับโครงการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ และเราจะมอบหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความปลอดภัยสูงซึ่งมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่สูงกว่าข้อกำหนดของ ICAO" กิจการร่วมค้า DGM Consortium ระบุ (อ่านประกอบ : DGM ผู้ชนะอี-พาสปอร์ต15 ล้านเล่ม งดเปรียบเทียบของในไทย-ยันประสบการณ์100ปีลูกค้าทั่วโลก)

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/