
"...แม้ว่าในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 130/2566 หมายเลขแดงที่ อท 118/2567 ของศาลนี้จะมีพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี แต่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี..."
นายสุพรรณ แสงทอง อดีตเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี แต่ได้รอลงอาญา ในคดีกล่าวหาปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะกรรมการจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุโครงการสัมมนาการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงานองค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์โดยมิชอบ เมื่อปี 2567
ล่าสุด ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกเพิ่มอีก 1 ปี ในคดีทุจริตจัดซื้อหลังคาที่จอดรถยนต์พร้อมติดตั้งของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเมื่อ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ไม่เป็นไปตามระเบียบทางราชการและมีราคาสูงเกินกว่าความเป็นจริง
แต่ทั้งสองคดีได้รับการรอลงอาญาโทษจำคุกทั้งหมด

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสุพรรณ แสงทอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับพวก ทุจริตการจัดซื้อหลังคาที่จอดรถยนต์พร้อมติดตั้งของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเมื่อ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ไม่เป็นไปตามระเบียบทางราชการและมีราคาสูงเกินกว่าความเป็นจริง ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาว่า นายสุพรรณ แสงทอง จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำคุก 2 ปี และปรับ 20,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คงจำคุก 1 ปี และปรับ 10,000 บาท
พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจ รายงานการสอบสวน และคำแถลงประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว เห็นว่า จำเลยเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว ได้บรรเทาผลร้ายโดยการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางแล้ว
แม้ว่าในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 130/2566 หมายเลขแดงที่ อท 118/2567 ของศาลนี้จะมีพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี แต่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี ให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ ตามที่จำเลยและพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 คดีนี้ศาลรอการลงโทษแก่จำเลย จึงไม่อาจนับโทษต่อได้
คำขอส่วนนี้ให้คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ได้พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

ขณะที่ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสุพรรณ แสงทอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับพวก คือ ว่าที่ร้อยตรีทรงศักดิ์ ทองไชย, บริษัท ดี ทรู โซลูชั่น จำกัด และ นางสาวลลณา วรรณกุล เปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะกรรมการจัดจ้างและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุโครงการสัมมนาการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงานองค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์โดยมิชอบ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 (1) (4) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 12 ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172) และประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา
โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาดังนี้
1.นายสุพรรณ แสงทอง จำเลยที่ 1 จำคุก 6 ปี ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตาม ป.อ.มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี
2.ว่าที่ร้อยตรีทรงศักดิ์ ทองไชย จำเลยที่ 2 ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ฮั้ว พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 6 ปี การเสนอแนวทางชี้ช่องพยานหลักฐานและนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี
3. บริษัท ดี ทรู โซลูชั่น จำกัด จำเลยที่ 3 ลงโทษ ปรับ 250,000 บาท รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 125,000 บาท
4. นางสาวลลณา วรรณกุล จำเลยที่ 4 ลงโทษจำคุก 4 ปี รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 ได้พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
สำหรับพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 12 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ มีความผิดฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

เท่ากับว่า นายสุพรรณ แสงทอง โดยศาลฯ พิพากษาลงโทษจำคุก 2 คดี คดีแรก จำคุก 3 ปี คดีสอง 1 ปี
ได้รอลงอาญา ทั้ง 2 คดี
ขณะที่ คดีแรก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลฯ จะพลิกเปลี่ยนแปลงจากคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่
ต้องติดตามดูกันต่อไป
แต่ไม่ว่าผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไร กรณีนายสุพรรณ แสงทอง นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญอันเป็นผลพ่วงจากวิบากกรรมทุจริต ให้กับคนในสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั่วประเทศ ไม่ให้เดินย้ำซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคตอีกต่อไปได้ชัดเจนอีกหนึ่งกรณี

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา