
ในเวอร์ชันร่างกฎหมายก่อนปรับแก้ ลงวันที่ 18 ก.ย. มีลักษณะเป็นคำสั่งที่เข้มงวดกว่า โดยมุ่งเป้าไปที่การตรวจสอบและลงโทษบุคคลที่ ระบุไว้ล่วงหน้าซึ่งมีรายชื่อ 43 รายชื่อ ภายในกรอบเวลาที่กำหนด และอ้างอิงอำนาจการลงโทษหลายแหล่ง ...ในขณะที่เวอร์ชันในเอกสารร่างกฎหมายฉบับปรับแก้ลงวันที่ 2 ธ.ค.เป็นการมอบอำนาจแบบ ดุลยพินิจ ให้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาลงโทษบุคคลต่างชาติที่เกี่ยวกับสแกมเมอร์
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org):สืบเนื่องจากที่บริษัท พิสุทธิ์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด ทนายความของนายยิม เลียกและภรรยา ได้ทำเอกสารชี้แจงความบริสุทธิ์ของลูกความตอนหนึ่ง ระบุว่าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ถอดชื่อนายยิมออกร่างร่างกฎหมาย H.R.5490 Dismantle Foreign Scam Syndicates Act หรือที่เรียกว่าร่างกฎหมายปราบสแกมเมอร์ไปแล้ว
โดยร่างกฎหมายที่มีการถอนชื่อนายยิม เลียก รวมถึงบุคคลและนิติบุคคลอื่นๆอีก 43 รายชื่อนั้น เป็นร่างกฎหมายชื่อว่า “Amendment in the Nature of a Substitute to H.R. 5490 หรือร่างกฎหมายแก้ไขสาระสำคัญของร่างกฎหมาย H.R. 5490 สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซต์ของสภาคองเกรสแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา
https://docs.house.gov/meetings/FA/FA00/20251203/118670/BILLS-119-5490-S001229-Amdt-1.pdf

เบื้องต้นสำนักข่าวอิศราได้เปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างร่างกฎหมาย H.R.5490 ฉบับเดิม ลงวันที่ 18 ก.ย.2568 และร่างกฎหมาย H.R.5490 ฉบับแก้ไข ลงวันที่ 2 ธ.ค.2568 โดยเฉพาะในส่วนของการลงโทษบุคคลหรือนิติบุคคลต่างชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ (Imposition of Sanctions) ซึ่งเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2568 มีข่าวว่าร่างกฎหมาย H.R.5490 นั้นผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาคองเกรสแล้ว และจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ของสภาคองเกรสต่อไป

ร่างกฎหมาย H.R.5490 ลงวันที่ 18 ก.ย.

ร่างกฎหมาย H.R.5490 ฉบับแก้ไขลงวันที่ 2 ธ.ค.
มีรายละเอียดความแตกต่างดังนี้
@รายละเอียดบทลงโทษในร่างกฎหมายฉบับวันที่ 18 ก.ย.2568
-
ลักษณะการบังคับใช้: ค่อนข้างเป็นเชิงบังคับ โดยระบุว่า "The President must determine..." และ "applicable sanctions shall be imposed"หรือคำว่าประธานาธิบดีต้องกำหนด และจะต้องกำหนดบทลงโทษที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นการตรวจสอบและลงโทษบุคคลต่างชาติ
-
ระยะเวลา: กำหนดให้ดำเนินการภายใน 180 วัน หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้
-
การรายงาน: กำหนดให้ต้อง รายงานต่อสภาคองเกรส พร้อมรายชื่อผู้ที่ถูกลงโทษ และหากมีบุคคลในรายใดใน 43 รายชื่อไม่ถูกลงโทษ จะต้องมีเหตุผลอธิบายโดยละเอียด
-
อำนาจการลงโทษ: อ้างอิงถึงกฎหมายเฉพาะเจาะจง ได้แก่ พระราชบัญญัติความรับผิดชอบด้านสิทธิมนุษยชน Magnitsky ระดับโลก มาตรา 111 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองเหยื่อการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2543 และคำสั่งฝ่ายบริหาร 13581 (Global Magnitsky Human Rights Accountability Act, Section 111 of the Trafficking Victims Protection Act of 2000 และ Executive Order 13581)
-
ผู้ที่อาจถูกลงโทษ: เน้นไปที่ "specific individuals and entities" ที่ระบุในภาคส่วน d จำนวน 43 รายชื่อ ซึ่งรวมถึงบุคคล องค์กร หรือนิติบุคคลใดๆ ที่ประธานาธิบดีพิจารณาแล้วว่ามีส่วนรับผิดชอบหรือเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางการเงินออนไลน์ที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้แรงงานบังคับจากเหยื่อการค้ามนุษย์






รายละเอียดร่างกฎหมาย H.R.5490 ฉบับเดิม ที่มีการระบุรายชื่อบุคคลที่ถูกคว่ำบาตร
@รายละเอียดบทลงโทษในร่างกฎหมาย H.R.5490ฉบับใหม่ ลงวันที่ 2 ธ.ค.2568
-
ลักษณะการบังคับใช้: เป็นเชิงดุลยพินิจ โดยระบุว่า "The President may impose the sanctions..." หรือแปลว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะลงโทษหรือไม่
-
เกณฑ์การลงโทษ: จะลงโทษเมื่อประธานาธิบดีพิจารณาแล้วว่าบุคคลต่างชาติรายนั้น:
-
ป็นเจ้าของ ควบคุม หรือสั่งการการดำเนินการของศูนย์หลอกลวงขนาดใหญ่ หรือบริการที่สนับสนุนการหลอกลวง เช่น การฉ้อโกงการจ้างงาน, การค้ามนุษย์, การฉ้อโกงทางไซเบอร์, การฟอกเงิน)
-
คว่ำบาตรบุคคลที่ให้การสนับสนุนทางการเงินหรือเทคโนโลยีที่สำคัญ หรือจัดหาสินค้าหรือบริการที่สำคัญเพื่อสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว
-
คว่ำบาตรบุคคลที่ป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่จงใจให้การสนับสนุน หรือได้รับผลประโยชน์ทางการเงินหรือผลประโยชน์ทางวัตถุอื่นๆ จากการดำเนินการของศูนย์หลอกลวงในเขตอำนาจของตน
-
ประเภทของการลงโทษ: ระบุชัดเจนว่าเป็น "Asset Blocking" (การอายัดทรัพย์สิน) โดยใช้อำนาจตาม International Emergency Economic Powers Act (IEEPA)หรือแปลว่าพระราชบัญญัติอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ
-
ผู้ที่อาจถูกลงโทษ: เน้นไปที่บุคคลต่างชาติที่ กระทำการ ตามเกณฑ์ที่ระบุไว้ข้างต้น ไม่ได้ระบุถึงรายชื่อบุคคลเฉพาะเจาะจงที่ต้องพิจารณาหรือสรุปก็คือร่างกำหมายฉบับแก้ไม่มีรายชื่อทั้ง 43 รายชื่อ
-
ผู้ที่อาจถูกลงโทษ: เน้นไปที่บุคคลต่างชาติที่ กระทำการ ตามเกณฑ์ที่ระบุไว้ข้างต้น ไม่ได้ระบุถึงรายชื่อบุคคลเฉพาะเจาะจงที่ต้องพิจารณา







รายละเอียดบทลงโทษของร่างกฎหมาย H.R.5490 ฉบับปรับแก้ ลงวันที่ 2 ธ.ค.
@ส่วนที่เหมือนกันและมีอยู่ในร่างกฎหมาย H.R.5490 ทั้งฉบับวันที่ 18 ก.ย.และวันที่ 2 ธ.ค. มีดังต่อไปนี้
-
การยกเว้น: ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับมีข้อยกเว้นสำหรับ:เหยื่อการค้ามนุษย์ที่ถูกบังคับให้ทำงานในศูนย์หลอกลวง.
-
มีการระบุถึงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตร อาหาร ยา หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกิจกรรมด้านข่าวกรอง การบังคับใช้กฎหมาย หรือความมั่นคงแห่งชาติที่ได้รับอนุญาตของสหรัฐอเมริกา.
-
การจัดหาสิ่งของเพื่อความปลอดภัยของทีมงาน
-
การสละสิทธิ์ (Waiver)การลงโทษ: ประธานาธิบดีสามารถสละสิทธิ์การลงโทษได้ หากพิจารณาแล้วว่ากรณีการไม่ลงโทษมีความสำคัญต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยต้องแจ้งต่อคณะกรรมการสภาคองเกรสที่เกี่ยวข้องภายใน 15 วัน.
สรุปความแตกต่างหลัก:
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือ ระดับการบังคับใช้และเกณฑ์การพิจารณา ในเวอร์ชันร่างกฎหมายก่อนปรับแก้ ลงวันที่ 18 ก.ย. มีลักษณะเป็นคำสั่งที่เข้มงวดกว่า โดยมุ่งเป้าไปที่การตรวจสอบและลงโทษบุคคลที่ ระบุไว้ล่วงหน้าซึ่งมีรายชื่อ 43 รายชื่อ ภายในกรอบเวลาที่กำหนด และอ้างอิงอำนาจการลงโทษหลายแหล่ง
ในขณะที่เวอร์ชันในเอกสารร่างกฎหมายฉบับปรับแก้ลงวันที่ 2 ธ.ค.เป็นการมอบอำนาจแบบ ดุลยพินิจ ให้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาลงโทษบุคคลต่างชาติที่เกี่ยวกับสแกมเมอร์
โดยร่างกฎหมายฉบับแก้ไขนี้ไม่ได้ระบุรายชื่อเป้าหมายเฉพาะเจาะจงในตัวบทกฎหมาย แต่จะกำหนดประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานที่อาจถูกคว่ำบาตรตามพฤติกรรมของพวกเขา แทนที่จะระบุชื่อหรือองค์กรโดยตรง
อ่านประกอบ:
- สส.สหรัฐฯ เสนอ กม.ตั้งทีมเฉพาะกิจสแกมเมอร์- 'ธนดล' ขอตรวจสอบกรณีมีชื่อ 'เบนจามิน'
- เปิด 43 รายชื่อ! โยงร่างกม.สหรัฐเสนอคองเกรสตั้งทีมเฉพาะกิจปราบสแกมเมอร์เสียหายแสนล้าน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา