
"...มีความเชื่อมโยงที่น่าวิตกกังวลระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน องค์กรฉ้อโกงอาชญากรชาวจีน และนักการเมืองท้องถิ่นที่ทุจริตซึ่งช่วยให้พวกเขามีอำนาจมากขึ้น
ดังนั้นนโยบายของสหรัฐฯ คือการปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่ก่ออาชญากรรมค้ามนุษย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก เพื่อก่ออาชญากรรมหลอกลวงทางออนไลน์ขนาดใหญ่ต่อชาวอเมริกัน..."
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org): สืบเนื่องจากที่ปรากฎเป็นข่าวว่า สส.สหรัฐอเมริกาได้เสนอร่างกฎหมายตั้งทีมพิเศษเพื่อดำเนินการจัดการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการสแสกมเมอร์ ซึ่งปรากฎว่ามีชื่อของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ ‘เบน สมิธ’ ติดอยู่ด้วย
ขณะที่นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายความให้กับนายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิศราว่าจะขอตรวจสอบในเรื่องนี้ก่อน หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายธนดลได้ยื่นฟ้องคดี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา พร้อมทั้งฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท และนายธนดลยังได้มีการไปยื่นหนังสือให้กับสํานักงานคณะกรรมการ กํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์

จากข่าวดังกล่าว ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราจึงได้นำเอาร่างกฎหมายที่ยื่นโดย สส.สหรัฐอเมริกามาสรุป มีรายละเอียดดังนี้
เพื่อจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมกันเพื่อปราบปรามและปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่กระทำการฉ้อโกงทางออนไลน์ต่อชาวอเมริกัน ในสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 18 กันยายน 2568 นายเจฟเฟอร์สัน ชเรฟ สส.เขต 6 รัฐอินดิแอนา,นายไมเคิล รูลลี่ สส.เขต 6 รัฐโอไฮโอ และนายจอห์น มูเลนาร์ สส.รัฐมิชิแกน และยังเป็นประธานคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งทั้งหมดเป็น สส.จากพรรครีพับลิกัน ได้เสนอร่างกฎหมายต่อไปนี้
ร่างกฎหมายที่ได้ถูกส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการว่าด้วยกิจการต่างประเทศ และส่งไปยังคณะกรรมาธิการว่าด้วยตุลาการ เป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่ประธานสภาจะเป็นผู้กำหนดในภายหลัง โดยในแต่ละกรณีจะพิจารณาบทบัญญัติต่างๆ ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง
โดยร่างกฎหมายดังกล่าวนั้นมีชื่อว่าร่างกฎหมายว่าด้วยการปราบปรามขบวนการหลอกลวงข้ามชาติ มีจุดประสงค์ของร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมกันเพื่อปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่กระทำการฉ้อโกงทางออนไลน์ต่อชาวอเมริกัน
@การสืบค้นข้อมูล
ในร่างกฎหมาย ในส่วนมาตรา 2 มีการระบุว่ารัฐสภาคองเกรสได้พบข้อมูลเกี่ยวกับการฉ้อโกง 12 ประการดังต่อไปนี้
(1) ในระหว่างการระบาดของโควิด-19 องค์กรอาชญากรชาวจีนที่เคลื่อนไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้หันมาใช้กลโกงทางการเงินรูปแบบใหม่ที่ทรงพลัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการลงทุนสกุลเงินดิจิทัลออนไลน์อันซับซ้อน
(2) รูปแบบการหลอกลวงทางการเงินที่พบบ่อยที่สุดเรียกว่า "การฆ่าหมู" (Pig Butchering) ซึ่งเป็นศัพท์แสลงของอาชญากรชาวจีนที่อธิบายถึงการที่ผู้หลอกลวงสร้างความสัมพันธ์เสมือนจริงกับเหยื่อโดยชักจูงให้พวกเขาลงทุนเงินจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในแพลตฟอร์มปลอม เพื่อ "ทำให้อ้วนขึ้น" เพื่อนำไปฆ่า
(3)องค์กรอาชญากรรมใช้แรงงานบังคับจากเหยื่อการค้ามนุษย์หลายแสนคนเพื่อก่ออาชญากรรมหลอกลวงดังกล่าว
(4) เหยื่อเหล่านี้เองก็ตกเป็นเหยื่อของโฆษณาหางานที่เป็นเท็จก่อนที่จะถูกนำตัวไปยังสถานที่แห่งหนึ่งและถูกบังคับให้ปฏิบัติตามโควตาการหลอกลวงที่เข้มงวด ภายใต้ความเสี่ยงที่จะโดนลงโทษอย่างรุนแรงหากพวกเขาปฏิเสธ
(5) “ศูนย์หลอกลวง” เหล่านี้พบได้บ่อยที่สุดในพม่า ลาว และกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่ทุจริตและกดขี่ประชาชน ขาดความโปร่งใส หลักนิติธรรมอ่อนแอ ไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุล และมักดำเนินการในลักษณะการร่วมทุนระหว่างองค์กรอาชญากรจีนและรัฐบาลเผด็จการ
(6) ตั้งแต่ปี 2564 การหลอกลวงเหล่านี้ได้มุ่งเป้าไปที่ชาวอเมริกันเพิ่มมากขึ้น ขโมยเงินออมทั้งชีวิตของพวกเขาไปเป็นจำนวนมาก และสร้างความมั่งคั่งและความมั่นคงให้กับกลุ่มอาชญากรข้ามชาติและผู้นำที่ไม่โปร่งใสในกัมพูชา ลาว และเมียนมา
(7) ความสูญเสียของชาวอเมริกันจากการหลอกลวงเหล่านี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับปีต่อปีในปี 2567
(8) ตามรายงานของกระทรวงการคลัง ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (327,350,029,000 บาท) จากปฏิบัติการดังกล่าวในปี 2567 เพียงปีเดียว
(9) คาดว่าการสูญเสียทั่วโลกจะสูงกว่า 60,000,000,000 เหรียญสหรัฐต่อปี (1,963,799,964,000 บาท)
(10) มูลค่าความเสียหายที่แท้จริงจากการหลอกลวงเหล่านี้คาดว่าจะสูงกว่านี้มาก เนื่องจากมีหลายกรณีที่ไม่ได้รับการรายงาน
(11) มีความเชื่อมโยงที่น่าวิตกกังวลระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน องค์กรฉ้อโกงอาชญากรชาวจีน และนักการเมืองท้องถิ่นที่ทุจริตซึ่งช่วยให้พวกเขามีอำนาจมากขึ้น
ดังนั้นนโยบายของสหรัฐฯ คือการปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่ก่ออาชญากรรมค้ามนุษย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก เพื่อก่ออาชญากรรมหลอกลวงทางออนไลน์ขนาดใหญ่ต่อชาวอเมริกัน
สหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรศูนย์ฉ้อโกงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อ้างอิงวิดีโอจาก Taiwan News)
@หน้าที่ของหน่วยเฉพาะกิจ
การจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจครั้งนี้จะมีการจัดตั้งภายในระยะเวลา 30 วันหลังจากที่ร่างกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทีมงานฉพาะกิจพิเศษซึ่งมีสมาชิกมาจากหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล
โดยทีมงานนี้จะรับผิดชอบในการนำความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรื้อถอนและปิดเครือข่ายการดำเนินงานของกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่ดำเนินการหลอกลวงทางออนไลน์ต่อชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากผ่านการดำเนินการในรูปแบบการหลอกลวงขนาดใหญ่ที่กระตุ้นโดยการใช้แรงงานบังคับของเหยื่อการค้ามนุษย์
โดยภายในช่วงไม่เกิน 180 วันหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ทีมงานเฉพาะกิจจะดำเนินงานพัฒนาและส่งกลยุทธ์ที่ครอบคลุมของรัฐบาลสหรัฐฯ ให้กับคณะกรรมการรัฐสภาที่เกี่ยวข้องเพื่อปิดศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ ป้องกันการแพร่กระจายต่อไป ทำลายและรื้อถอนองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและผู้ค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานศูนย์ดังกล่าว และดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทุจริต รัฐ และผู้ที่ไม่ใช่รัฐที่สนับสนุนองค์กรและผู้ค้ามนุษย์ดังกล่าว เพื่อจุดประสงค์ในการจูงใจให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน
สำหรับโครงสร้างของทีมงานพิเศษนั้นจะมีมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีเป็นประธาน มีการประชุมเป็นประจำตามที่ประธานทีมงานได้เรียกร้อง
มีองค์ประกอบอื่นๆได้แก่อธิบดีจากกรมต่างๆใน กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งสำนักงานกิจการยาเสพติดและการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ สำนักงานกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และสำนักงานติดตามและปราบปรามการค้ามนุษย์ มีตัวแทนจากกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งสำนักงานสอบสวนกลางหรือ FBI กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ รวมถึงหน่วยข่าวกรองแห่งสหรัฐอเมริกาและหน่วยงานการสืบสวนด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และ กระทรวงการคลัง ซึ่งรวมถึงสำนักงานปราบปรามการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงิน สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ และเครือข่ายบังคับใช้กฎหมายอาชญากรรมทางการเงิน นั่งอยู่ในทีมงานนี้ด้วย
ทีมงานดังกล่าวยังมีตัวแทนมาจากหน่วยงานอื่นๆ เช่นจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ,คณะกรรมการการค้าแห่งสหพันธรัฐ ,คณะกรรมการกำกับดูแลการสื่อสารกลาง และตัวแทนจากหน่วยงานอื่นๆที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เห็นว่าเหมาะสม
ทีมงานเฉพาะกิจนี้ยังมีหน้าที่ปรึกษาหารือเป็นประจำกับองค์กรนอกภาครัฐของสหรัฐฯ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์หรือต่อต้านการทุจริต ตามความเหมาะสม รวมไปถึง พัฒนาความร่วมมือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ธนาคาร แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชันหาคู่ทางออนไลน์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ร้านค้าแอปพลิเคชัน เครื่องมือค้นหาบนโลกออนไลน์ และบริษัทที่ทำการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหา เพื่อจุดประสงค์ในการทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้ออำนวยต่อการรวมตัว และการปฏิบัติการ ของผู้ที่ฉ้อโกงหลอกลวง
โดยทีมงานพิเศษดังกล่าวจะสิ้นสุดบทบาทหน้าที่ภายในวันที่ครบกำหนด 7 ปี หลังจากพระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้
@ยุทธศาสตร์ในการดำเนินงาน
ในมาตรา 5 ของร่างกฎหมาย มีการกำหนดยุทธศาสตร์ของทีมเฉพาะกิจ 13 ข้อ มีรายละเอียดดังนี้
(1) กดดันรัฐบาลต่างประเทศโดยประสานงานกับพันธมิตรและหุ้นส่วนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และกดดันหน่วยงานในต่างประเทศซึ่งมีส่วนรู้เห็น ยอมรับ หรือไม่ให้ความร่วมมือในการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์
(2) การสืบสวนการมีส่วนร่วมของสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ในต้นกำเนิดและการสืบสานการดำเนินการหลอกลวงทางออนไลน์ รวมถึงการมีส่วนร่วมผ่านการเชื่อมโยงระหว่างเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกับองค์กรอาชญากร การขยายอิทธิพลด้านความมั่นคงในภูมิภาค และการปราบปรามอย่างเลือกปฏิบัติที่จูงใจให้กำหนดเป้าหมายชาวอเมริกัน
(3) การสืบสวนการมีส่วนร่วมของกองทัพเมียนมาในการอนุญาต การละเลย และการแสวงหากำไรจากปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์ในพม่า และความสำคัญของการแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงและความรุนแรงในพม่าเพื่อหยุดยั้งการดำเนินการที่ไร้การควบคุมของศูนย์หลอกลวงในพม่า
(4) ตอบสนองอย่างครอบคลุมต่อการสมรู้ร่วมคิดและการใช้กลไกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์
(5) การลดอำนาจ อิทธิพล และขอบเขตขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและการปฏิบัติการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และที่อื่นๆ ที่อาจแพร่กระจาย
(6) การสร้างศักยภาพของพันธมิตรด้านการบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศที่เชื่อถือได้เพื่อลดทอน ขัดขวาง และปิดศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ และป้องกันการแพร่หลายของศูนย์ดังกล่าว รวมถึงผ่านการฝึกอบรมด้านนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล การต่อต้านการฟอกเงิน และการลาดตระเวนชายแดน
(7) สร้างศักยภาพของพันธมิตรด้านการบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศที่เชื่อถือได้ในการคัดกรองและปกป้องเหยื่อของการค้ามนุษย์โดยคำนึงถึงผลกระทบทางจิตใจ ดำเนินคดีกับผู้ค้ามนุษย์ และป้องกันการค้ามนุษย์เข้าสู่ศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ รวมถึงการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อสาธารณะ
(8) ประสานงานกับพันธมิตรและหุ้นส่วนให้ได้มากที่สุด เพื่อกำหนดมาตรการคว่ำบาตรหรือมาตรการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างครอบคลุมและกับผู้ก่ออาชญากรรมและผู้สนับสนุนการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยใช้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ การทุจริต การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการค้ามนุษย์
(9) สนับสนุนการขึ้นบัญชีเทาหรือขึ้นบัญชีดำ ตามความเหมาะสม ของประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการหลอกลวงที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ รวมถึงกัมพูชา ตามที่คณะทำงานปฏิบัติการทางการเงินได้กำหนดไว้
(10) การใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางไซเบอร์เชิงรุกเพื่อลดการดำเนินงานของศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์
(11) การกู้คืนและส่งคืนทรัพย์สินที่ถูกขโมยประชาชนสหรัฐอเมริกาที่ถูกฉ้อโกง
(12) การบูรณาการการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และกลไกการตอบสนองระหว่างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง รัฐ และท้องถิ่น รวมถึงการประเมินว่าศูนย์ Fusion Center (ศูนย์รวมข้อมูลและบูรณาการการทำงาน เพื่อวิเคราะห์และตอบสนองต่อภัยคุกคามต่างๆ ) ที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่ใดๆ สามารถนำมาใช้เพื่อต่อสู้กับศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ได้หรือไม่
(13) การรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรและหุ้นส่วนต่างประเทศที่มีแนวคิดเดียวกันเพื่อต่อสู้กับศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ รวมถึงการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจหรือกลุ่มทำงานที่คล้ายคลึงกัน การรวบรวมและแบ่งปันข้อมูล และการทำงานร่วมกันเกี่ยวกับการฟ้องร้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้สนับสนุนที่สำคัญ
@การรายงานต่อสภาคองเกรส
ภายในไม่เกิน 360 วัน หลังจากยื่นแผนงานกลยุทธ์จะต้องมีการรายงานต่อสภาคองเกรสและทุกๆ ปีหลังจากนั้นเป็นเวลา 5 ปี คณะทำงานจะต้องส่งรายงานไปยังคณะกรรมาธิการของรัฐสภาที่เกี่ยวข้อง โดยรายงานดังกล่าวต้องรวมถึงข้อมูลสำหรับปีก่อนหน้าดังต่อไปนี้:
(1) รายชื่อบุคคลต่างชาติทั้งหมดที่ถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นผู้รับผิดชอบ สมรู้ร่วมคิด หรือเป็นผู้รับผิดชอบในการสั่งการ ควบคุม หรือสั่งการในลักษณะอื่นใดเกี่ยวกับการหลอกลวงทางการเงินออนไลน์ต่อพลเมืองสหรัฐอเมริกา
(2) สำหรับรายบุคคลต่างชาติที่ระบุไว้ ต้องมีการประเมินและการตรวจสอบการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในการดำเนินงานของศูนย์หลอกลวง รวมถึงการระบุตัวตนของนิติบุคคลโดยเฉพาะจากนิติบุคคลภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนบุคคลต่างชาติดังกล่าว
(3) การประมาณจำนวนเงินที่ถูกขโมยจากพลเมืองสหรัฐฯ ผ่านการหลอกลวงจากศูนย์หลอกลวงออนไลน์ รวมถึงคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินทั้งหมดที่ถูกขโมยผ่านการหลอกลวงดังกล่าวทั่วโลก
(4) การประมาณจำนวนเงินที่ถูกขโมย ที่ถูกสกัดกั้น ยึด หรือส่งคืน
(5) การประมาณจำนวนเหยื่อการค้ามนุษย์ที่ได้รับการจ้างงานในศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์
(6) การประมาณจำนวนคนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหรือการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์หลอกลวง
(7) รายชื่อศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ที่รับทราบ
(8) คำอธิบายว่าศูนย์และการปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างไร ที่ไหน และอย่างไร
(9) คำแนะนำเกี่ยวกับประเภทของโปรแกรมที่กระทรวงการต่างประเทศควรสนับสนุนเพื่อนำกลยุทธ์ที่อธิบายไว้ใไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิผล รวมถึงระดับของการจัดสรรงบประมาณที่โปรแกรมดังกล่าวต้องการ
(10) มาตรการอื่นใดที่ทีมงานพิเศษกำหนดว่าเหมาะสม
@บุคคลที่ถูกลงโทษ
สำหรับรายละเอียดบุคคลและนิติบุคคลที่ถูกลงโทษตามร่างกฎหมายนี้นั้นพบว่ามีอยู่ด้วยกัน 43 ราย และประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจจะใส่ชื่อบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานใดๆ เพิ่มเติมได้อีก โดยอิงจากหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ว่าเป็นผู้รับผิดชอบ สมรู้ร่วมคิด หรือรับผิดชอบในการสั่งการ ควบคุม หรือกำกับดูแลการหลอกลวงทางการเงินออนไลน์ต่อพลเมืองสหรัฐฯ รวมถึงการหลอกลวงที่เกิดจากแหล่งต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยบุคคลที่ถูกลงโทษถ้าหากร่างกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้พบว่ามี 43 ราย มีรายละเอียดตามรูปภาพที่เสนอเบื้องล่าง

ซึ่งนอกเหนือจากรายชื่อของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ แล้ว ยังพบรายชื่อบุคคลและนิติบุคคลอื่นๆที่น่าสนใจอาทิ
1.นายยิม เลียก (Yim Leak)
ประธานคณะกรรมการบริษัท BIC Group บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ และลูกชายนายยิม ไชลี รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งพี่สาวของเขาได้แต่งงานกับคนในตระกูลฮุน

2.นายก๊ก อาน สว.กัมพูชาซึ่งถูกทางการไทยออกหมายจับเนื้องจากเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์

3.กลุ่มบริษัทฮุ่ย วัน (Huione Group) บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่จากกัมพูชา ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ นายฮุน โต หลานชายของนายฮุน เซน โดยเขาถูกตั้งข้อสังเกตและถูกกล่าวหาอย่างหนักว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์รูปแบบการฆ่าหมู
4.นายเฉิน จือ ประธานกลุ่ม Prince Group โดยนายเฉินเป็นชาวจีนผู้ได้รับสัญชาติกัมพูชา ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทสำคัญในการขยายเครือข่ายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ การพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย อาชญากรรมทางไซเบอร์ และการฟอกเงิน โดยอาศัยการสนับสนุนและความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับผู้นำทางการเมืองท้องถิ่น

5.กวง จำเริญ (Kuoch Chamroeun) ประธานพรรคประชาชนกัมพูชาประจำจังหวัดกันดาล

อย่างไรก็ตามหากมีบุคคลใด ที่ประธานของทีมเฉพาะกิจกำหนดให้เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์จะไม่ถือเป็นบุคคลต่างชาติที่ระบุไว้ว่าเข้าข่ายเป็นบุคคลที่ถูกลงโทษในมาตรานี้
และทั้งหมดก็คือสรุปข้อมูลร่างกฎหมายที่ สส.สหรัฐอเมริกาได้เสนอต่อสภาคองเกรส โดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินการกับกลุ่มสแกมเมอร์ ซึ่งสำนักข่าวอิศราได้นำเสนอในครั้งนี้
โดยถ้าหากมีข้อมูลเพิ่มเติม สำนักข่าวอิศราจะมานำเสนอในครั้งถัดไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา