“…ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องแล้วพบว่า มีพฤติการณ์และหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินการตามสัญญาควบคุมงานของกลุ่มนิติบุคคลร่วมค้า ซึ่งมีการนำชื่อนิติบุคคลที่ไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาดำเนินการเสนอราคาเพื่อให้ได้รับการคัดเลือกจึงเข้าข่ายเป็นการตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542…”
28 มีนาคม 2568 เกิดเหตุโศกนาฏกรรม ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตจำนวนมาก ผ่านมากว่า 7 เดือน ความคืบหน้าการตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริง ตลอดจนการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปถึงไหน
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2568 คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายอภิชาต ตีรสวัสดิชัย เป็นประธาน กมธ.ฯ ได้ทำหนังสือเชิญ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และอธิบดีกรมบัญชีกลาง มาเป็นผู้ชี้แจง เรื่อง ขอให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ขอนำบันทึกการประชุมการชี้แจงของ 3 หน่วยงานดังกล่าว มาทบทวนความจำ-กันลืม โดยเฉพาะผู้มีอำนาจ-ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาคนรับผิดชอบ คืนความยุติธรรมให้กับญาติผู้เสียและผู้วายชนม์
@ ส่ง ป.ป.ช. ฟัน เจ้าพนักงานของรัฐ
ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ :
กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่า กรณีดังกล่าวอาจมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และอาจมีพฤติการณ์ในการหลีกเลี่ยง พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
โดยคณะพนักงานสอบสวนได้มีการดำเนินการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง และได้มีความเห็นทางคดีเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยได้ดำเนินการส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ และมีการแยกสำนวนการสอบสวนออกเป็น 2 สำนวน ได้แก่
1. การดำเนินคดีการประกอบธุรกิจของคนต่างด้างด้าว
2. การดำเนินการสอบสวนความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
โดยได้มีการกล่าวหาใน 3 ประเด็น ตามสัญญาที่เกี่ยวข้องกับอาคารที่ทำการสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ คือ
1. ในสัญญาจ้างออกแบบพบว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีการใช้อำนาจโดยทุจริตในการจัดหาบริษัทเข้ามาเป็นผู้รับจ้างออกแบบอาคารที่ทำการสำนักงาน สตง.
2. ในสัญญาจ้างก่อสร้างพบว่าเจ้าหน้าที่สำนักงาน สตง. มีการใช้อำนาจโดยทุจริต จัดหาบริษัทเข้ามาเป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง โดยให้กิจการร่วมค้าเสนอราคาต่ำกว่าผู้เข้าเสนอราคาแข่งขันรายอื่น และได้เข้าเป็นคู่สัญญา
3. ในประเด็นสัญญาจ้างควบคุมงานพบว่า เจ้าหน้าที่สำนักงาน สตง. ได้ร่วมกระทำความผิดกับเอกชน และใช้อำนาจโดยทุจริตในการจัดหาบริษัทเข้ามาเป็นผู้รับจ้างควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงาน สตง.
ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องแล้วพบว่า มีพฤติการณ์และหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินการตามสัญญาควบคุมงานของกลุ่มนิติบุคคลร่วมค้า ซึ่งมีการนำชื่อนิติบุคคลที่ไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาดำเนินการเสนอราคาเพื่อให้ได้รับการคัดเลือกจึงเข้าข่ายเป็นการตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
รวมทั้งมีการกล่าวหาว่า เจ้าพนักงานของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ ทั้งหมด 3 กลุ่ม ได้แก่
1. กลุ่มผู้บริหารระดับสูงของ สตง.
2. กลุ่มคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการจ้างออกแบบ จ้างก่อสร้าง และจ้างควบคุมงาน ทั้งหมด 10 คณะ
3. กลุ่มคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ
โดยเป็นการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนได้พิจารณาส่งสำนวนการสอบสวนที่มีการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำผิดต่อต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และฐานความผิดอื่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 รวมทั้งในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ให้กับเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
@ สตง. ดำเนินการเป็นไปตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้าง
ผู้แทนกรมบัญชีกลาง :
พ.ร.ป. ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2561 กำหนดให้กรมบัญชีกลางแต่งตั้งคณะผู้ตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ในกรมบัญชีกลางเพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบ สตง. โดยกรมบัญชีกลางมีหน้าที่ในการตรวจสอบด้านการเงิน และการปฏิบัติตามระเบียบหรือกฎหมายของ สตง. ซึ่งในกรณีการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงาน สตง. แห่งใหม่นั้น กรมบัญชีกลางได้มีการให้ข้อเสนอแนะแก่คณะผู้ตรวจสอบตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2554 โดยกรมบัญชีกลางได้มีการมอบหมายให้คณะผู้ตรวจสอบพิจารณาเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้วพบว่า ยังมีประเด็นที่ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน 6 ประเด็น คือ
1. ประเด็นในเรื่องของราคากลาง
2. การปฏิบัติงานในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP)
3. การบอกเลิกสัญญา
4. การแก้ไขสัญญา
5. การตรวจรับพัสดุ
6. การควบคุมงานก่อสร้าง
ซึ่งจากการตรวจสอบของกรมบัญชีกลางพบว่า สตง. ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยเป็นไปตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
ในส่วนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ ขณะนี้ สตง. ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว รวมทั้งคณะทำงานด้านกฎหมาย เพื่อศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบอกเลิกสัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง และผู้ควบคุมงาน
@ ตั้งคณะทำงานด้านกฎหมาย บอกเลิกสัญญา-เรียกค่าเสียหาย
ผู้แทน สตง. :
สตง. ได้มีการส่งข้อมูลและเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องให้กับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และในส่วนการดำเนินคดีทางอาญา เจ้าหน้าที่ สตง. ก็ได้มีการให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ โดยได้มีการฟ้องคดีต่อผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง และผู้รับจ้าง จำนวน 23 ราย ในความผิดฐานเป็นผู้ประกอบวิชาชีพในการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้น ๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น และพนักงานอัยการได้มีการสั่งฟ้องคดีต่อศาลเรียบร้อยแล้ว
ส่วนการดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น ได้มีการพิจารณาใน 2 ประเด็น คือ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการดำเนินการสอบสวนความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งมอบสำนวนการสอบสวนให้กับเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ในส่วนประเด็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว สตง. ได้มีการตั้งคณะทำงานด้านกฎหมาย เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการบอกเลิกสัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง และผู้ควบคุมงาน และขณะนี้ สตง. อยู่ระหว่างรอรายงานผลการตรวจสอบกรณีอาคารที่ทำการสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ถล่มจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา